อินโดฯคุมเข้มสื่อลามกในโซเชียลมีเดีย
ทางการอินโดนีเซียขู่จะใช้กฎหมายจัดการกับผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียรายใหญ่ที่สุดของโลกอย่างเด็ดขาดในการให้บริการภายในประเทศ หากไม่ยอมปฏิบัติตามโดยการควบคุมคลิปลามกอนาจารและคอนเทนต์อื่นๆที่ไม่เหมาะสม
โดยรูเดียนทารา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสื่อสารของอินโดนีเซียออกโรงเตือนทวิตเตอร์ และอัลฟาเบท บริษัทแม่ของกูเกิลว่า ทุกแพลตฟอร์มจะต้องประสบกับผลลัพธ์ที่ตามมาอย่างจริงจัง หากไม่ปฏิบัติตามการร้องขอของรัฐบาลในการควบคุมปิดกั้นเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม
“กรณีที่เลวร้ายที่สุดคือเราจะไม่ยอมให้พวกเขาให้บริการในอินโดนีเซียอีกต่อไป เราจะให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ หากพวกคุณละเมิดด้านคอนเทนต์ เท่ากับคุณละเมิดกฏหมายในอินโดนีเซีย”
อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากถึง 260 ล้านคน และมีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียสูงมาก แต่ก็เป็นประเทศที่มีชาวมุสลิมมากที่สุดในโลก จึงมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการใช้งานว่าจะมีการแพร่กระจายของลัทธิก่อการร้ายและความรุนแรง รวมถึงสื่อลามกอนาจารและการล่วงละเมิดเด็ก โดยทั้งทวิตเตอร์ กูเกิล และเฟซบุ๊กล้วนถูกบล็อกในจีน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางอินโดนีเซียขู่ที่จะบล็อกการใช้งาน WhatsApp ซึ่งเป็นบริการข้อความของเฟซบุ๊ก หากไม่ยอมกำจัดคอนเทนต์ลามกที่อยู่ในภาพ GIF โดยทาง WhatsApp ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการต่อ หลังจากตกลงที่จะกำจัดภาพและคลิปวีดีโอจากบุคคลที่ 3 ซึ่งเป็นผู้จัดทำภาพ GIF
ขณะที่ซามูเอล อาบริจานี ผู้อำนวยการทั่วไปด้าน Application and Informatics ในกระทรวงสื่อสารระบุว่า ผู้บริหารจากกูเกิลและทวิตเตอร์จะต้องเข้าประชุมกับเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด แต่เขายังไม่ได้ให้รายละเอียดเรื่องเวลา โดยตัวแทนจากกูเกิลและทวิตเตอร์ในเอเชียยังไม่ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้
ทางรัฐมนตรีระบุว่า กูเกิลแสดงถึงความตั้งใจจริงและยอมรับคำร้องขอที่จะช่วยคัดกรองคุมเข้มโซเชียลมีเดีย ขณะที่เฟซบุ๊ก ซึ่งมีผู้ใช้งานเกือบ 90 ล้านคนในอินโดนีเซีย ก็เห็นพ้องที่จะร่วมมือทำงานกับภาครัฐอย่างจริงจัง
ท่ามกลางการปราบปรามแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ประธานาธิบดีโจโค วิโดโดได้สั่งการให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ โดยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจดิจิทัลจะมีมูลค่า 130,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4.28 ล้านล้านบาทภายในปี 2563
โดยอินโดนีเซียคัดเลือกแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบาให้เป็นที่ปรึกษาเพื่อช่วยให้ประเทศบรรลุเป้าหมายในด้านเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเฉพาะการพัฒนาระบบการจ่ายเงินและโลจิสติกส์
“ผมต้องการขายอินโดนีเซีย ผมต้องการให้ประเทศสามารถแข่งขันได้มากขึ้นในระดับนานาชาติ ผมจึงต้องการคนแบบแจ็ค หม่า” รูเดียนทารากล่าว เขาต้องการให้นักธุรกิจมหาเศรษฐีคนนี้เป็นกูรูในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ไม่เพียงแต่สนับสนุนอินโดนีเซียเท่านั้น แต่สนับสนุนทั้งภูมิภาค