เศรษฐกิจอินโดฯ โต 5.06%
ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียในไตรมาส 3 ของปีนี้อยู่ที่ 5.06% สูงกว่าตัวเลข 5.01% ในไตรมาสก่อนเล็กน้อย สำนักงานสถิติแห่งชาติรายงานในกรุงจาการ์ตาเมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา
ทำให้ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดฯตั้งแต่ต้นปี 2560 จนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 5.03%
โดยการลงทุน ซึ่งคิดเป็นเกือบ 32% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี ขยายตัวขึ้น 7.11% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่การใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐขยายตัว 3.46% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ -1.93% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2
ขณะที่ยอดส่งออกและนำเข้าเติบโตขึ้น 17.27% และ 15.09% ตามลำดับในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา
“ การเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ได้แรงหนุนจากการขยายตัวของทุกส่วนของจีดีพี ” สุฮารียันโต ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติกล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 6 พ.ย.
อย่างไรก็ตาม การบริโภคภาคเอกชน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกินครึ่งของตัวเลขจีดีพี ชะลอตัวลงอยู่ที่ 4.93% ลดลงจากตัวเลข 4.94% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี ซึ่งตามปกติจะมีตัวเลขขยายตัวประมาณ 5%
โดยการบริโภคในครัวเรือนเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดการถกเถียงกันระหว่างนักเศรษฐศาสตร์และภาครัฐ
นอกจากนี้ ดัชนีผู้บริโภค ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงมาอยู่ที่ 109.42 จุดในไตรมาส 3 นี้ จากเดิม 115.92 จุดในไตรมาสก่อนหน้า โดยผู้บริโภคเชื่อมั่นน้อยลงกับเศรษฐกิจในไตรมาส 4 และมองว่าตัวเลขในดัชนีจะลดลงมาอยู่ที่ 105.49 จุด
ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติเปิดเผยว่าตัวเลขคนว่างงานเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 7.04 ล้านคนในเดือนส.ค. จากเดิม 7.03 ล้านคนในเดือนเดียวกันของปีก่อน
สุฮารียันโตกล่าวว่า จำนวนคนว่างงานที่เพิ่มขึ้นมาจากจำนวนผู้จบการศึกษาใหม่ “ ในหนึ่งปี จำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้นประมาณ 10,000 คน เป็น 7.04 ล้านคน ”
ขณะที่อัตราว่างงานลดลงมาอยู่ที่ 5.5% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบกับ 5.61% ในเดือนเดียวกันของปี 2559
“ จำนวนคนที่หางานใหม่สูงถึง 3 ล้านคนต่อปี จำนวนคนทำงานและคนไม่มีงานจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนประชากรของประเทศที่เพิ่มขึ้น ” เขากล่าว โดยเสริมว่า สิ่งสำคัญคืออัตราการว่างงานลดลง
โดยทางสำนักงานสถิติตแห่งชาติยังได้เปิดเผยว่า 11.41% ของคนที่จบการศึกษาระดับมัธยมจะเป็นคนว่างงาน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าคนที่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย โดยมีบันทึกไว้ว่า จำนวนคนมีงานทำสูงถึง 128.06 ล้านคนในเดือนส.ค.ปีนี้ เมื่อเทียบกับ 125.44 ล้านคนในเดือนส.ค.ปีก่อน.