อินโดฯเปิดกว้างรับทุนเอกชน/ต่างชาติ
อินโดนีเซียจะหันไปหานักลงทุนภาคเอกชนสำหรับการลงทุนนับแสนล้านดอลลาร์ที่จำเป็นเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรธรรมชาติของประเทศที่เป็นหมู่เกาะจำนวนมาก ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด หรือ โจโควี่ กล่าว โดยปฏิเสธว่าเขากำลังพัฒนาเศรษฐกิจด้วยความรักชาติมากเกินไป
โดยโครงการสำคัญจะถูกเสนอให้ภาคเอกชน เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์ก โดยรัฐวิสาหกิจจะเป็นหุ้นส่วนกับนักลงทุนเอกชนด้วยงบประมาณของรัฐบาล หากไม่มีนักลงทุนรายใดสนใจที่จะเข้ามาลงทุนมากพอ
โจโควี่อยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีมาได้ครึ่งทางแล้ว เขากำลังพยายามปรับสมดุลความจำเป็นที่ต้องมีทุนต่างชาติเพื่อเข้ามาช่วยหนุนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะด้านทรัพยากรธรรมชาติ มีกรณีพิพาทระหว่างรัฐบาลและ Freeport-McMoRan Inc. เกี่ยวกับการโอนสิทธิความเป็นเจ้าของส่วนใหญ่ของธุรกิจเหมืองของสหรัฐฯในอินโดนีเซีย ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลว่านักลงทุนต่างชาติอาจถอดใจและกลับประเทศไปหมด
“อินโดนีเซียกีดกันทางการค้าหรือ ? ไม่เลย เราเปิดกว้างสำหรับนักลงทุน เราอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามามากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า อินโดนีเซียเปิดกว้าง” โจโควี่กล่าวในการให้สัมภาษณ์
เขาพยายามที่จะให้ประเทศหยุดพึ่งพาโภคภัณฑ์และผลักดันการลงทุนในภาคการผลิตและการบริการที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการเลียนแบบแนวทางความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจของหลายประเทศ เช่น เกาหลีใต้ เขาต้องการให้บริษัทเหมืองมีโรงถลุงมากกว่าที่จะส่งออกสินค้าดิบ
ด้วยตัวเลขขาดทุนงบประมาณ 3% ของจีดีพี และรายรับอยู่ภายใต้แรงกดดัน เขาต้องการการลงทุนจากต่างชาติเพื่อช่วยสนับสนุนแผนโครงสร้างพื้นฐานที่ทะเยอทะยานของเขา ธนาคารโลกประเมินว่า อินโดนีเซียต้องการเงินลงทุนจำนวน 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 16.65 ล้านล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้าเพื่อสร้างถนน ท่าเรือและสะพานในประเทศ
เขากล่าวว่า ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 5% ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดี แต่รัฐบาลจะยังคงมุ่งไปที่ 7% การเติบโตที่ดีขึ้นเป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะสร้างงานและเพิ่มรายได้ประชากรต่อหัวให้มากขึ้น
ที่ผ่านมา เขาได้ปฏิรูประบบในการประกอบธุรกิจเพื่อดึงดูดนักลงทุน โดยให้มีหน่วยงานบริการเบ็ดเสร็จในการอนุมัติเพื่อเร่งให้โครงการเกิดขึ้นได้เร็วขึ้น และอนุญาตให้ต่างชาติเป็นเจ้าของธุรกิจได้เต็ม 100% ทั้งผู้ประกอบการทางด่วน ธุรกิจแช่เย็น และโรงภาพยนตร์
“เราจะเปิดกว้างรับนักลงทุนต่างชาติให้มากขึ้นเพื่อลงทุนในอินโดนีเซีย ที่จริงแล้ว เป้าหมายของเรายังคงเป็นอุตสาหกรรม การผลิต ภาพยนต์ โรงภาพยนตร์ และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ มีธุรกิจมากมายและที่สำคัญคือการท่องเที่ยว เราจะเปิดกว้าง” โจโควี่กล่าว
ทั้งนี้ ธนาคารโลกรายงานเมื่อเดือนก.ค.ว่า อินโดนีเซียควรลดการพึ่งพารัฐวิสาหกิจ และเพิ่มการลงทุนภาคเอกชนและเงินทุนจากต่างชาติเพื่อช่วยหนุนฐานะทางการเงินของประเทศ
ผู้นำอินโดนีเซีย กล่าวว่า เขาได้สั่งการให้กระทรวงรัฐวิสาหกิจลดจำนวนบริษัทของรัฐบาลที่ทำธุรกิจตั้งแต่สายการบินจนถึงสถานีบริการน้ำมันและโรงงานผลิตเกลือโดยการควบรวมกิจการที่มีอยู่เดิมประมาณ 800 แห่งให้เหลือเพียง 130 แห่ง.