มาลาลาเรียกร้องปกป้องชาวโรฮีนจา
มาลาลา ยูซาฟไซ เจ้าของรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพกล่าวว่า ประชาคมโลกจำเป็นต้องเข้าแทรกแซงเพื่อปกป้องชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮีนจาในเมียนมา
โดยเธอได้กระตุ้นเตือนให้นางอองซาน ซูจี ประธานที่ปรึกษาแห่งรัฐซึ่งเป็นผู้นำของเมียนมาพูดเพื่อชาวโรฮีนจา “เราไม่อาจนิ่งเงียบได้ในตอนนี้ ผู้คนที่ต้องอพยพลี้ภัยมีนับแสนคนแล้ว” มาลาลากล่าวกับผู้สื่อข่าวบีบีซี
ขณะนี้ เธอซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนได้กลายเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดในอังกฤษ และกำลังตื่นตาตื่นใจกับชีวิตใหม่ ในการกล่าวที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เธอได้เรียกร้องให้นานาประเทศขานรับในเรื่องความรุนแรงในเมียนมา
“ดิฉันคิดว่า เราไม่อาจจินตนาการได้แม้แต่วินาทีเดียวว่ามันจะเป็นอย่างไรเมื่อความเป็นพลเมืองของคุณ สิทธิของคุณที่จะอาศัยอยู่ในประเทศ ถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง”
“นี่ควรจะเป็นประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน รัฐบาลควรตอบสนองในเรื่องนี้ ประชาชนกำลังอพยพลี้ภัย พวกเขากำลังเผชิญกับความรุนแรง”
“เด็กๆกำลังถูกลิดรอนการศึกษา พวกเขาไม่ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน และอยู่ในสถานการณ์ของการก่อการร้าย เมื่อมีความรุนแรงมากมายรอบตัวพวกเขา มันเป็นเรื่องที่ยากมาก เราจำเป็นต้องตื่นรู้และขานรับกับเรื่องนี้ และหวังว่าคุณอองซาน ซูจีจะขานรับกับเรื่องนี้ด้วย” เธอกล่าว
มาลาลา ซึ่งปัจจุบันอายุ 20 ปี กำลังเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ที่ผ่านมา ออกซ์ฟอร์ดสร้างหลายคนให้ไปได้รับรางวัลโนเบล แต่เธอแตกต่างจากคนอื่นตรงที่เธอได้รับรางวัลนี้ก่อนเข้าศึกษาที่นี่ “ดิฉันพยายามจะเป็นเพียงนักศึกษาธรรมดาคนหนึ่ง ต้องการมีเพื่อนในฐานะผู้หญิงแบบมาลาลา และไม่ใช่คนที่ได้รางวัลโนเบล”
ที่ผ่านมา มาลาลาได้รณรงค์เกี่ยวกับสิทธิของเด็กผู้หญิงเพื่อให้ได้รับการศึกษาและเธอได้จัดตั้งเครือข่ายของ ’แชมเปี้ยน’ เพื่อการศึกษาในหลายประเทศ เช่น อัฟกานิสถานและไนจีเรีย และสำหรับผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย
เธอเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกหลังจากมีข่าวว่ากลุ่มตาลีบันในปากีสถานพยายามจะยิงสังหารเธอ ในสัปดาห์นี้ มีรายงานว่า หนึ่งในผู้เกี่ยวข้องกับการสังหารเธอได้ถูกปลิดชีพโดยกองกำลังความมั่นคงในปากีสถาน
เธอกล่าวว่า เธอได้ให้อภัยคนที่พยายามจะฆาตกรรมเธอไปหมดแล้ว “ดิฉันให้อภัยพวกเขา แต่พวกเขายังสามารถสังหารคนอื่นอีกในปากีสถาน ดิฉันหวังว่ากองทัพและประเทศจะช่วยพวกเขาให้อยู่ภายใต้กระบวนการลดทอนความรุนแรงและได้เรียนรู้เกี่ยวกับข้อความที่เป็นจริงของอิสลาม และความหมายของสิทธิมนุษยชน และเรียนรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการศึกษา”
“แต่โดยส่วนตัวแล้ว ดิฉันให้อภัยพวกเขาไปหมดแล้ว ดิฉันคิดว่า สิ่งสำคัญตอนนี้คือพูดว่า พวกเขาควรถูกลงโทษ ไม่มีประโยชน์กับใคร คุณแค่สร้างอันตราย ดิฉันต้องการลดอันตรายและช่วยเหลือกันและกัน”.