เร่งปรับปรุงคุณภาพบ้านในเมียนมา


1 ใน 4 ของประชากรในเมียนมามีบ้านที่ต่ำกว่ามาตรฐานด้วยสภาพความเป็นอยู่ที่ขาดแคลน จากรายงานเกี่ยวกับสภาพที่อยู่อาศัยและสิ่งอำนวยความสะดวกจากรัฐบาลและกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ หรือ UNFPA
โดยรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 11 ส.ค. เกี่ยวกับสภาพที่อยู่อาศัยของครัวเรือนในเมียนมาใช้ข้อมูลจากสำนักสำมะโนประชากรและเคหะเมื่อปี 2557
“ มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องเข้าถึงความท้าทายด้านที่อยู่อาศัยในเมียนมาแบบองค์รวม เราต้องมองทุกมุมของสภาพที่อยู่อาศัยทั้งสุขภาพ ไฟฟ้า การสื่อสาร การขนส่งและความปลอดภัย ” นายแจเน็ต แจ็คสัน ผู้แทน UNFPA ประจำเมียนมากล่าว
“ นอกจากที่อยู่ที่เหมาะสม พื้นที่ก็เป็นส่วนประกอบสำคัญ คนเราต้องการบ้านที่มีความเป็นส่วนตัวสำหรับครอบครัวและคู่สามีภรรยา ” เขาเสริม
ในรายงานยังเผยให้เห็นว่า 80% ของครัวเรือนยังใช้แหล่งพลังงานแบบดั้งเดิมและไม่ยั่งยืน โดยเฉพาะการใช้ไม้ฟืนเพื่อทำอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชนบท
ขณะที่ 2 ใน 3 ของประชากรมีน้ำสะอาดใช้ ที่เหลืออีก 1 ใน 3 จากจำนวนประชากรทั้งหมด 16 ล้านคน ยังคงไม่มีน้ำสะอาดดื่ม อหิวาตกโรคที่แพร่กระจายในน้ำส่งผลให้มีจำนวนเด็กเสียชีวิตมากกว่าการติดเชื้อโรคเอดส์ มาเลเรีย และโรคหัดรวมกัน อ้างอิงจากข้อมูลทั่วโลก
ถึงแม้ระบบสุขาภิบาลของเมียนมาจะสูงกว่าประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉลี่ยที่ 72% แต่ในพื้นที่่ห่างไกลอย่างรัฐยะไข่ มากกว่า 1 ใน 3 เพียงเล็กน้อยที่มีห้องสุขาที่สะอาด
ถึงแม้อัตราการเป็นเจ้าของบ้านในเมียนมาจะสูงถึง 85.5% แต่มีเพียง 14.6% เท่านั้นที่ผู้นำครัวเรือนอายุต่ำกว่า 35 ปีเป็นเจ้าของบ้านที่อาศัยอยู่ นายแจ็คสันกล่าว
“ คนรุ่นใหม่จำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่ต้องรับผิดชอบครอบครัว ต้องการเสถียรภาพและความมั่นคงในบ้านเท่ากับคนในวัยสูงกว่า สำนักสำมะโนประชากรและเคหะเรียกร้องให้มีการแทรกแซงโดยเจตนา เช่น การเข้าถึงสินเชื่อบ้านสำหรับคนทุกวัย ” เขากล่าว
ขนาดครัวเรือนเฉลี่ยของเมียนมาสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ ยกเว้นฟิลิปปินส์ โดยมากกว่า 40% ของครัวเรือนในประเทศประกอบด้วยคู่สามีภรรยากับลูกๆ ขณะที่ 17.2% ประกอบด้วยคู่สามีภรรยา ลูก และญาติ
จากการประเมินจำนวนคนไร้บ้านและจำนวนครัวเรือนที่อยู่ในสภาพที่อยู่อาศัยที่ขาดแคลนถึงขาดแคลนมาก จำเป็นต้องมีการสร้างบ้านใหม่ถึง 3.8 ล้านยูนิตเพื่อให้ประชากรมีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม.