เวียดนามคุมเข้มอินเทอร์เน็ต

ประธานาธิบดีของเวียดนามเรียกร้องเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ให้มีการควบคุมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของผู้ที่คัดค้านและใช้เพื่อวิจารณ์พรรคคอมมิวนิสต์และเพื่อต่อสู้กับภัยความมั่นคงทางไซเบอร์
รัฐบาลเวียดนามได้ยกระดับการปราบปรามนักกิจกรรมในปีนี้ แต่ถึงแม้จะมีการจับกุมและตัดสินให้มีการลงโทษขั้นสูงสุด ก็ยังมีสัญญาณของการวิพากษ์วิจารณ์แบบเงียบๆ อยู่บนโซเชียลมีเดีย
ประธานาธิบดีเจิ่น ดั่ย กวาง เรียกร้องถึงประเด็นนี้ในบทความที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของรัฐบาล
โดยเขากล่าวว่า จะมีการบังคับใช้ในอินเทอร์เน็ตเพื่อจัดระเบียบแคมเปญป้องกันการสั่นคลอนสิทธิของบรรดาผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาล จากผลกระทบด้านลบต่อผู้บริหาร สมาชิกพรรคและประชาชน
เขาระบุว่า เวียดนามจำเป็นต้องให้ความสนใจเฝ้าระมัดระวังมากขึ้นเพื่อควบคุมข้อมูลออนไลน์ โดยเฉพาะบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค และจำเป็นต้องมีการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันไม่ให้มีเว็บไซต์และบล็อกใหม่ๆ ที่มีเนื้อหาที่เลวร้ายและเป็นอันตราย
โดยจุดยืนส่วนตัวของเขากลายเป็นหัวข้อของข่าวลือในอินเทอร์เน็ตและเรื่องซุบซิบในช่วงเวลานี้ เพราะเขาเคยเงียบหายไปพักใหญ่จากสายตาของสาธารณชน
เวียดนามยกระดับการปราบปรามให้เข้มงวดขึ้น ทั้งฝ่ายที่วิจารณ์รัฐบาลและฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำการทุจริตโกงกิน นับตั้งแต่กลุ่มอนุรักษ์นิยมที่เน้นด้านความมั่นคงมีอำนาจมากขึ้นในการบริหารพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อต้นปี 2559
ทั้งนี้ เวียดนามติดอยู่ใน 10 ประเทศที่มีจำนวนผู้ใช้งานเฟซบุ๊กมากที่สุดในโลก และยูทูบก็เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในเวียดนามเช่นกัน
ประธานาธิบดีกวางยังได้เน้นถึงภัยคุกคามความมั่นคงทางไซเบอร์ โดยกล่าวว่า เวียดนามถูกโจมตีมากขึ้นจากอาชญากรที่เจาะข้อมูลและความลับของทางรัฐบาล และเขากำลังพยายามผลักดันให้มีกฎหมายควบคุมการบ่อนทำลายและการก่อวินาศกรรมทางไซเบอร์
ทั้งนี้ คอมพิวเตอร์นับพันเครื่องในเวียดนามก็ได้รับผลกระทบจากไวรัส WannaCry เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน
ในรายงานเมื่อ 3 เดือนก่อน FireEye ซึ่งเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยระบุว่า แฮกเกอร์ซึ่งทำงานในนามของรัฐบาลเวียดนามได้ทำลายคอมพิวเตอร์ของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติในประเทศ โดยเวียดนามปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างสุดกำลัง.