ขยายเวลากฎอัยการศึกที่มินดาเนา
สภาผู้แทนราษฎรในฟิลิปปินส์มีมติเห็นชอบให้ขยายเวลาการประกาศใช้กฎอัยการศึกต่อไปเพื่อจัดการกับกลุ่มก่อการร้ายจากรัฐอิสลามที่ยึดครองพื้นที่บนเกาะมินดาเนา
โดยกลุ่มติดอาวุธที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มไอเอสได้ยึดครองพื้นที่ของเมืองมาราวี บนเกาะมินดาเนาตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตกล่าวว่า การต่อเวลาเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อปราบปรามเหตุร้าย แต่นักวิจารณ์กล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่งของแผนการกุมอำนาจที่ขยายวงกว้างขึ้น
ทั้งนี้ เกาะมินดาเนาเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มกบฎมุสลิมที่ต้องการแยกตัวออกจากฟิลิปปินส์
กฎอัยการศึกอนุญาตให้มีการใช้กองทัพเพื่อบังคับใช้กฎหมาย และสามารถกักตัวประชาชนได้โดยไม่ต้องมีการตั้งข้อหาได้เป็นเวลานาน
นี่เป็นประเด็นที่อ่อนไหวในฟิลิปปินส์ เนื่องจากมีการใช้กฎอัยการศึกครั้งสุดท้ายตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอสผู้เป็นเผด็จการและครองตำแหน่งผู้นำประเทศนานกว่า 20 ปี
กฎอัยการศึกที่ประกาศใช้เป็นเวลา 60 วันจะหมดอายุลงในวันที่ 23 ก.ค.นี้ ผู้นำฟิลิปปินส์ประกาศใช้กฎอัยการศึกตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเกิดการปะทะกันระหว่างกองทัพและกลุ่มติดอาวุธจนมีผู้เสียชีวิต โดยการขยายเวลากฎอัยการศึกครั้งนี้ จะทำให้มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.ปีนี้
เมื่อเดือนพ.ค. ประธานาธิบดีดูเตอร์เตเตือนว่า อาจมีการขยายพื้นที่ใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศฟิลิปปินส์ หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่กลุ่มติดอาวุธสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองมาราวี
ส.ส.ฝ่ายค้านบางคนคัดค้านมติของสภาโดยตั้งคำถามว่า ทำไมจึงต้องมีการใช้กฎอัยการศึกทั่วทั้งเกาะมินดาเนา แทนที่จะใช้เฉพาะกับเมืองมาราวีที่กลุ่มกบฎยึดครองพื้นที่อยู่เท่านั้น
“ ดิฉันกลัวว่า แผนต่อเวลากฎอัยการศึกในมินดาเนาจะเป็นการปูทางให้มีการใช้กฎอัยการศึกออกไปทั่วประเทศ ” ส.ว.ริสา ฮอนติเวรอสให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพี
กลุ่มผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งที่ชุมนุมกันเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ต่างพากันตะโกนว่า “ ไม่ใช้กฎอัยการศึกอีก ” อ้างอิงจากการายงานของสำนักข่าวท้องถิ่น
เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่มาที่สภาคองเกรสก่อนหน้าการลงมติกล่าวว่า กฎอัยการศึกเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค ที่ซึ่งกลุ่มผู้ฝักใฝ่ผู้ก่อการร้ายไอเอสอาจถูกชักจูงให้แผ่ขยายอิทธิพลไปยึดครองพื้นที่อื่นๆ บนเกาะมินดาเนา
โดยเจ้าหน้าที่กล่าวว่ามีกลุ่มมือปืนประมาณ 60 คนที่เหลืออยู่ในเมืองมาราวี แต่มีกลุ่มผู้ฝักใฝ่กลุ่มไอเอสเกือบ 1,000 คนที่อยู่ในพื้นที่อื่นๆทางตอนใต้ของประเทศ และกักขังตัวประกันไว้ 23 คน.