อินโดนีเซียดิ้นรนฟื้นเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจอินโดนีเซียชะงักงัน เนื่องจากธนาคารกลางและรัฐบาลขาดพื้นที่สำหรับนโยบายที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้า
หลังจากปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากที่สุดในเอเชีย คือ 6 ครั้งในปีที่แล้วผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพีเติบโตอยู่ที่ประมาณ 5% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าชื่นชม แต่ยังคงไม่เพียงพอที่จะสร้างรายได้เพิ่มเติมอย่างที่ประธานาธิบดีโจโค วิโดโดต้องการสำหรับแผนการใช้จ่ายที่ทะเยอทะยานของเขา และเพื่อให้ได้ตามเป้าจีดีพี 7% ที่วางไว้ โดยตัวเลขการขาดดุลงบประมาณของอินโดนีเซียเกือบจะชนเพดาน 3% ของจีดีพี และจากการที่สหรัฐฯ ค่อยๆ ปรับนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดขึ้น ทำให้ทางภาครัฐกำลังมองหามาตรการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
“ อินโดนีเซียเพียงแค่ติดหล่มอยู่ที่ไหนสักแห่ง และไม่รู้ว่าจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปอย่างไร ” ชารู ชานามา นักเศรษฐศาสตร์ประจำ Forecast Pte Ltd. ในสิงคโปร์กล่าว
โดยหลังจากเป็นประเทศที่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากที่สุดในเอเชียในปี 2559 ธนาคารกลางอินโดนีเซียตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมในปีนี้ แต่ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่ถูกปรับสูงขึ้น อาจทำให้มีความเสี่ยงที่ทุนต่างชาติจะไหลออกอย่างต่อเนื่อง
“ ตอนนี้ทำได้แค่รอ และเฝ้าดู หวังว่าการลดดอกเบี้ยก่อนหน้านี้จะช่วยให้เรามีโมเมนตัมมากขึ้น แต่แนวโน้มดูจะไม่แน่นอนหลังจากรอมานานแล้ว ”
ดัชนีราคาผู้บริโภคในประเทศที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนขยับขึ้นในปีนี้ เนื่องจากราคาอาหารและค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น ขณะที่เงินเฟ้อคลายตัวลง รัฐบาลคาดว่าเงินเฟ้อในปี 2560 นี้จะสูงกว่าปีก่อน แต่ยังคงเป็นไปตามเป้าคือ 3-5% ราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 4.37% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบกับปีก่อน
ถึงแม้ปีที่แล้วจะมีการลดดอกเบี้ย แต่การเติบโตของเครดิตก็ยังไม่เป็นไปตามเป้าของธนาคารกลาง สินเชื่อธนาคารเพิ่มขึ้น 8.7% ในเดือนพ.ค.เมื่อเทียบกับปีก่อน ยังห่างไกลจากเป้าของธนาคารกลางอินโดนีเซียที่ 10-12%
ทั้งนี้ ธนาคารกลางเพิ่งผ่อนคลายกฎระเบียบเกี่ยวกับจำนวนเงินสำรองของผู้กู้เพื่อทำธุรกิจ โดยยอมให้ผู้กู้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการจัดการสภาพคล่อง นับตั้งแต่ต้นเดือนก.ค. ธนาคารได้รับอนุญาตให้คำนวณสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ 2 สัปดาห์โดยเฉลี่ย ขณะที่จำนวนเงินฝากทั้งหมดที่ต้องเก็บที่ธนาคารกลางในชีวิตประจำวันถูกตัดลดลงเหลือ 5% จากเดิม 6%
“ ผมไม่คิดว่าจะมีผลกระทบอย่างรุนแรง แต่คิดว่าพวกเขาคงพยายามหาหนทางใหม่ๆ เพราะจริงๆ แล้วแบงค์ชาติคงไม่มีมาตรการอะไรให้ผ่อนคลายอีกตอนนี้ ” ชานานากล่าว
อากัส มาโตวอร์โดโจ ผู้ว่าการธนาคารกลางกล่าวเมื่อต้นเดือนก.ค.นี้ว่า จีดีพีจะเติบโตอยู่ที่ 5-5.4% ในปีนี้ โดยการส่งออกเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับการค้าโลก ความเชื่อมั่นผู้บริโภคซึ่งช่วยหนุนการใช้จ่ายในเศรษฐกิจ ยังคงสูงเกือบทำสถิติใหม่.