ผู้นำสิงคโปร์ขอโทษประชาชน
นายลีเซียนลุง นายกรัฐมนตรีแห่งสิงคโปร์แถลงเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. เพื่อขอโทษประชาชนชาวสิงคโปร์ในกรณีข้อพิพาทระหว่างเขาและพี่น้องเกี่ยวกับบ้านเลขที่ 38 ถนนอ็อกซ์ลีย์ ของอดีตนายกฯ ลีกวนยู ผู้เป็นบิดาของเขา
นายกฯ ลีแถลงว่า เขารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ความขัดแย้งส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของประเทศและความเชื่อมั่นของชาวสิงคโปร์ที่มีต่อรัฐบาล โดยเสริมว่า เรื่องนี้จะไม่ทำให้เขาและคณะรัฐมนตรีต้องไขว้เขวและเสียสมาธิจากการบริหารประเทศ
โดยนายกฯ ลียังได้กล่าวว่า เขาจะมีแถลงการณ์ของคณะรัฐมนตรีเพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหาเมื่อมีการเปิดประชุมสภาในวันที่ 3 ก.ค.นี้
“ ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวสิงคโปร์ถูกรบกวนและทำให้สับสนจากข่าวความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างพี่น้องของผมกับผม ผมรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ข้อพิพาทนี้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของประเทศสิงคโปร์ และความเชื่อมั่นของประชาชนชาวสิงคโปร์ที่มีต่อรัฐบาล “
ในฐานะนายกรัฐมนตรีของคุณ ผมต้องขออภัยทุกท่านสำหรับเรื่องนี้ ในฐานะพี่ชายคนโต ทำให้ผมรู้สึกเศร้าใจเมื่อคิดว่าพ่อแม่ของผมจะเจ็บปวดรวดร้าวใจเพียงใดหากพวกท่านยังมีชีวิตอยู่
ผมได้ทำทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวาย พ่อของผมทิ้งทรัพย์สินคือบ้านเลขที่ 38 บนถนนอ็อกซ์ลีย์ให้ผมเป็นส่วนหนึ่งที่เท่าเทียมกัน แต่พี่น้องผมไม่พอใจ ผมพยายามจัดการกับความไม่พอใจเป็นการส่วนตัว ผมเสนอให้โอนบ้านหลังนี้ให้เป็นชื่อน้องสาวผม แต่โชคไม่ดีที่การเจรจาล้มเหลว ผมจึงขายบ้านให้กับน้องชายในราคาประเมินของตลาด และบริจาครายได้ทั้งหมดให้การกุศล
ผมหวังว่านี่คงทำให้พวกเขาพอใจได้ ไม่มีเหตุผลที่จะมีการทะเลาะกันต่อไป เพราะผมไม่ได้เป็นเจ้าของบ้านอีกต่อไปและไม่ได้เข้าไปมีส่วนกับการตัดสินใจของรัฐบาลเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ อย่างไรก็ตาม น้องๆ ผมตัดสินใจออกมาและกล่าวหาผมต่อสาธารณชนอย่างจริงจัง โดยพวกเขากล่าวว่า ผมใช้ตำแหน่งนายกฯ เพื่อกดดันคณะกรรมการรัฐมนตรีที่มีรองนายกฯ เตียวชีเฮียนเป็นประธาน ข้อกล่าวหานี้มันไปไกลเกินกว่าเรื่องส่วนตัว และขยายผลออกไปถึงการจัดการที่ทำงานของผม และความซื่อสัตย์ของรัฐบาล
เมื่อสภาเปิดสมัยประชุมในวันที่ 3 ก.ค.นี้ ผมจะมีแถลงการณ์ของคณะรัฐมนตรีเพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหาทั้งหมด โดย ส.ส.ทุกท่านจะมีโอกาสที่ในการซักถามเพื่อตัวเขาและประชาชนทุกคนในระบอบประชาธิปไตย ผมขอให้ ส.ส.ตรวจสอบประเด็นนี้อย่างโปร่งใส และตั้งคำถามกับผมและรัฐบาลได้อย่างเต็มที่ ผมหวังว่าการถ่ายทอดการประชุมสภาครั้งนี้จะเป็นการขจัดข้อสงสัยทั้งหมด
ผมขอสร้างความมั่นใจให้ชาวสิงคโปร์ว่า เรื่องนี้จะไม่ทำให้ผมและคณะรัฐมนตรีเสียสมาธิและไขว้เขวจากหน้าที่ความรับผิดชอบในการปกครองสิงคโปร์ และรับมือกับประเด็นที่มีความสำคัญมากกว่านี้ ทั้งความกดดันทางเศรษฐกิจ และความท้าทายด้านความมั่นคงที่เราต้องเผชิญ
” ในฐานะข้าราชการ คณะรัฐมนตรีของผมและตัวผมจะปกป้องเอกภาพของรัฐธรรมนูญของเรา และยึดมั่นในมาตรฐานที่เข้มงวดในการแยกเรื่องส่วนตัวออกจากหน้าที่ในส่วนรวม เรามุ่งมั่นตั้งใจที่จะฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสิงคโปร์ เราจะนำทางชาติของเราและรับใช้พวกคุณอย่างสุดความสามารถต่อไป ”.