ประชุมสตาร์ทอัพและนักลงทุนในบาหลี
ขณะที่รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ของสหรัฐฯไปเยือนกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซียในสัปดาห์นี้เพื่อประชุมการค้าทวิภาคีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทริปเยือนเอเชีย 10 วันของเขา บรรดานักลงทุน ผู้ร่วมลงทุน
และสตาร์ทอัพในภูมิภาคก็มารวมตัวกันบนเกาะบาหลีของอินโดนีเซียเพื่อประชุมถึงอนาคตของเทคโนโลยีในประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก
“ ประเด็นการเมืองที่เกิดขึ้นกับวีซ่า H-1B ที่กำลังถูกทบทวนและเรื่องบ้าๆที่คุณได้ยิน ผู้คนต้องปกป้องสถานการณ์และรอดูว่าจะเป็นไปในทิศทางใด” อาห์เหม็ด ชาบานา หุ้นส่วนผู้จัดการของ Parkpine Capital ซึ่งเป็นบริษัทในซิลิคอน วัลเลย์ กล่าวกับสำนักข่าวบีบีซี “อาจเป็นเรื่องเสี่ยงที่จะได้งานทำในสหรัฐฯ หากเรื่องราวลุกลามใหญ่โตขึ้น”
ประเด็นแรกของการประชุมนักลงทุนทั่วโลกในบาหลีคือ ตั้งเป้าที่จะปรับเปลี่ยนขนาดเทคโนโลยีในตลาดที่มีการเติบโตสูง ขณะที่เชื่อมโยงนักลงทุนเข้ากับไอเดียใหม่ๆ โดยในงานนี้เป็นอีเวนท์ศูนย์รวมผู้ร่วมลงทุนและบริษัทยักษ์ใหญ่ไฮเทคจากกูเกิลถึงไอบีเอ็ม ชาบานาประเมินว่า มูลค่ากองทุนของนักลงทุนที่เข้าร่วมในการประชุมมีมูลค่าสูงถึง 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
“ เรามองว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินโดนีเซียคือจีนใหม่ และชัดเจนว่าบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น” โดยเขาเสริมว่า เขาคิดว่าการเข้าถึงผู้บริโภคในอินโดนีเซียจะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นและยากยิ่งขึ้นในอีก 2 -3 ปีต่อจากนี้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ความไม่แน่นอนทางการเมืองทั้งในสหรัฐฯและอินโดนีเซียก่อให้เกิดความกังวลขึ้นที่นี่ การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ย้ำว่าเขาจะมองหาข้อตกลงทางการค้าที่ให้ผลประโยชน์มากขึ้นกับสหรัฐฯ สร้างความกังวลให้กับประเทศคู่ค้าทั่วทั้งภูมิภาค
“ โดนัลด์ ทรัมป์แสดงให้เห็นถึงอันตรายของนโยบายกีดกันทางการค้าที่ทำให้มีการตีความผิดๆ กับเศรษฐกิจที่นี่ ผมมีคำถามมากมายกับรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับอินโดนีเซียที่อยู่ในลิสต์รายชื่อประเทศที่ถูกจับตามอง” เวย์น ฟอร์เรสท์ ประธานหอการค้าอเมริกันในอินโดนีเซียกล่าว
โดยเขาบรรยายถึงศักยภาพของอินโดนีเซียในการลงทุนและการเติบโตในเชิงบวก ขณะที่จำนวนประชา
กรและชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้นดึงดูดบริษัทในสหรัฐฯ แต่เขากลัวว่า โครงสร้างพื้นฐานยังคงเติบโตไม่ทัน แต่สำหรับผู้ร่วมลงทุนที่มีฐานในสหรัฐฯ หลายคนในการประชุมนี้มองว่า ภูมิภาคนี้โดยรวมมีความน่าสนใจ
ทั้งนี้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตของอินเทอร์เน็ตสูงที่สุดในโลก โดยมีตัวเลขผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหน้าใหม่เกือบ 4 ล้านคนทุกเดือน อ้างอิงจากรายงานของเทมาเส็กและกูเกิลที่เผยแพร่ในปีที่แล้ว คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของอินเทอร์เน็ตจะสร้างโอกาสที่มีมูลค่าสูงถึง 200,000 ล้านดอลลารสหรัฐฯ ภายในปี 2569 อ้างอิงจากรายงาน
“ ผมคิดว่าตัวเลขจีดีพีทั่วโลกคือ สหรัฐฯจะเติบโตลดลง และจีดีพีจากประเทศในเอเชียจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แล้วยุทธศาสตร์ของเราควรจะไปทางไหน ? ” แอนดรูว์ โรมันส์ หุ้นส่วนทั่วไปที่ Rubicon Venture Capital กล่าว.