อินโดฯ คงดอกเบี้ยเดิม แม้เงินรูเปียห์อ่อนค่า
ธนาคารกลางของอินโดนีเซียคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ดังเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นเดือนที่ 2 ถึงแม้นโยบายการเงินที่ตึงเครียดขึ้นในสหรัฐฯ จะเพิ่มความเสี่ยงให้มีกระแสเงินทุนไหลออกจากประเทศตลาดเกิดใหม่ก็ตาม
นายแอกัส มาร์โทวาร์โดโจ ผู้ว่าการธนาคารกลางและบอร์ดบริหารจะคงการซื้อโดยมีสัญญาขายคืนเป็นเวลา 7 วันด้วยดอกเบี้ย 4.75% อ้างอิงจากการสำรวจของนักวิเคราะห์ 21 คนของบลูมเบิร์ก
โดยค่าเงินรูเปียห์อ่อนค่าลง 0.8% เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ท่ามกลางค่าเงินสกุลอื่นในเอเชียที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดส่งสัญญาณว่า จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก 3 ครั้งในปีหน้า
ตลาดมีความผันผวนสูงขึ้นมากหลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเดือน พ.ย. มีเหตุผลทำให้ผู้กำหนดนโยบายการเงินของอินโดนีเซียต้องชะลอดูเหตุการณ์หลังจากปรับดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งแล้วในปี 2559 นี้
“ การตัดสินใจที่จะคงดอกเบี้ยไว้ เนื่องจากธนาคารคาดการณ์ถึงเงินเฟ้อในปีหน้า และต้องการที่จะคงเสถียรภาพให้กับเงินรูเปียห์ในระยะอันใกล้ ” นายโจชัว ปาร์เดเด นักเศรษฐศาสตร์ประจำ PT Bank Permata ในกรุงจาการ์ตาให้ความเห็น
ธนาคารกลางอินโดนีเซียมีการปรับดอกเบี้ยลงมากที่สุดในเอเชียในปีนี้ เป็นการผ่อนคลายนโยบายเพื่อช่วยการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 3.6% ในเดือนพ.ย.จากเดิม 3.3% ในเดือนต.ค. ซึ่งยังคงเป็นไปตามเป้าของธนาคารคือ 3 – 5%
ขณะที่เงินรูเปียห์ฟื้นตัวขึ้นมาบ้างหลังจากดิ่งร่วงไปจากข่าวชัยชนะในการเลือกตั้งของนายโดนัลด์ ทรัมป์
โดยเงินรูเปียห์ลดลง 1.7% ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในรอบ 3 เดือนและปิดตลาดอยู่ที่ 13,398 รูเปียห์ต่อดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ธนาคารกลางรายงานว่า นโยบายผ่อนคลายทางการเงินจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจซึ่งมีการประเมินว่าจะอยู่ที่ 5 – 5.4% ในปีหน้า เมื่อเทียบกับ 5% ในปี 2559 นี้
ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายนโยบายการเงินของธนาคารกล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงจาการ์ตาว่า ราคาโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นอาจช่วยหนุนการส่งออกในไตรมาสนี้ โดยธนาคารจะพยายามปรับสมดุลด้วยการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
เป็นนโยบายหลัก นอกจากนี้ ยังกล่าวว่า ดอกเบี้ยเงินกู้ลดลงมา 0.67% ในปีนี้และกระบวนการในการผ่อนคลายทางการเงินจะยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง