อินโดฯ หนุนสร้างบ้านให้คนรายได้น้อย
จากคำสัญญาที่ให้กับประชาชนไว้เรื่องที่อยู่อาศัยราคาไม่แพง ทำให้ประธานาธิบดีโจโค วิโดโดของอินโดนีเซียเรียกร้องให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์สร้างบ้านสำหรับผู้มีรายได้น้อยให้มากขึ้น
ข้อความที่ชัดเจนจากประธานาธิบดีเกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลออกนโยบายแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่ 13 เมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมุ่งเน้นให้กระบวนการในการพัฒนาที่อยู่อาศัยราคาถูกเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคือ กลุ่มผู้มีรายได้น้อยในสังคม
ทั้งนี้ การลดขั้นตอนและเวลาในการบริหารจัดการลง จะทำให้ราคาถูกกดให้ต่ำลงถึง 70%
โดยการกล่าวสุนทรพพจน์ในงานประชุมระดับประเทศของสมาคมอสังหาริมทรัพย์อินโดนีเซีย (REI) เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีแสดงความมุ่งมั่นที่จะลดราคาที่อยู่อาศัยจำนวน 11.8 ล้านยูนิตลง
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายอย่างเป็นทางการคือการลดตัวเลขลงมากกว่า 40% เหลือเพียง 6.8 ล้านยูนิตภายในช่วงท้ายของวาระการดำรงตำหน่งในปี 2562
“ ผมต้องการเตือนให้ทุกท่านระลึกถึงหลักการสำคัญของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งคือการเร่งจัดสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยและผมต้องย้ำอีกครั้งว่า บ้านสำหรับผู้มีรายได้น้อย ไม่ใช่อีกกลุ่มหนึ่ง ” ประธานาธิบดีโจโควี่ย้ำ
อย่างไรก็ตาม บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไม่ขานรับกับมาตรการนี้เนื่องจากกฎระเบียบในการออกใบอนุญาตที่ซับซ้อนและกระบวนการที่ยาวนาน
“ โปรดหลีกเลี่ยงการสร้างที่อยู่อาศัยที่เป็นเพียงการลงทุนของผู้ที่มีบ้านอยู่แล้ว 1 หรือ 2 หรือ 3 หลัง ท่านควรจะสร้างบ้านสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อยมากกว่า ” ประธานาธิบดีโจโควี่กล่าว โดยเสริมว่าจะมีการออกข้อบังคับของรัฐบาลที่เป็นพื้นฐานของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในเร็วๆ นี้
ภายใต้แผนปัจจุบัน รัฐบาลตั้งใจจะสร้างบ้าน 1 ล้านยูนิตสำหรับผู้มีรายได้น้อยในปี 2560 เพิ่มขึ้นจากประมาณ 700,000 ยูนิตในปี 2559 และ 690,000 ยูนิตในปี 2558 นายบาสุกิ ฮาดิมัลโจโน รัฐมนตรีกระทรวงโยธาธิการและการเคหะให้สัมภาษณ์ในงาน
“ ด้วยงบประมาณที่เพิ่มขึ้น ประมาณ 9.4 ล้านล้านรูเปียห์สำหรับสินเชื่อจากภาครัฐ (FLPP) และ 9.2 ล้านล้านรูเปียห์สำหรับอพาร์ทเมนท์ผู้มีรายได้น้อย และกระบวนการขออนุญาตที่ง่ายขึ้น เราหวังว่าจะเร็วขึ้นและง่ายขึ้นสำหรับรัฐบาลที่จะบรรลุเป้าหมายบ้าน 1 ล้านยูนิตได้ในปีหน้า ” เขากล่าว
ในงานเดียวกัน นายเอ็ดดี้ ฮัสซีย์ ประธาน REI ต้องการให้รัฐบาลยกเลิกภาษีสำหรับที่อยู่อาศัยระดับหรู เนื่องจากจะช่วยส่งผลให้ผู้บริโภคมีความอยากซื้อทรัพย์สินที่หรูหรามากขึ้น
“ เราคาดการณ์ว่ารัฐบาลจะคงสินเชื่อ FLPP ต่อไปและขยายโครงการให้กว้างขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มคนที่อยู่ในเมืองที่มีรายได้ประมาณ 4.5 – 7 ล้านรูเปียห์ ซึ่งไม่ได้สิทธิประโยชน์จากโครงการนี้ ”
ในปัจจุบัน ชนชั้นกลางก็กำลังดิ้นรนที่จะมีบ้านเป็นของตัวเองด้วยเช่นกันท่ามกลางราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากโครงการที่อยู่อาศัยของรัฐบาลที่ตั้งเป้าส่วนใหญ่ไปที่ผู้มีรายได้น้อยที่มีรายได้น้อยกว่า 4 ล้านรูเปียห์ต่อเดือน.
หมายเหตุ 1,000 รูเปียห์ = 2.77 บาท / 1 ธ.ค. 2559