บริษัทสิงคโปร์ยืดหยุ่นให้พนักงานมากขึ้น
มีบริษัทสิงคโปร์จำนวนมากขึ้นที่มีการจัดการงานที่ยืดหยุ่นกับลูกจ้างมากขึ้นและช่วยให้พนักงานสามารถลากิจและให้เวลากับครอบครัวได้มากขึ้น อ้างอิงจากการรายงานของกระทรวงแรงงาน (MOM) ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 21 พ.ย. โดยเป็นผลสำรวจการจ้างงานล่าสุด
โดยสัดส่วนของของบริษัทที่ไม่กำหนดแผนลางานเฉพาะกิจ หรือยอมให้พนักงานทำงานนอกออฟฟิศเพิ่มจำนวนขึ้นจาก 70% ในปี 2558 มาเป็น 77% ในปี 25559 นี้ บริษัทเหล่านี้มีการจ้างงาน 82% เพิ่มขึ้นจาก 76% ในปี 2558
นอกจากนี้ สัดส่วนของพนักงานที่ทำงานในบริษัทเหล่านี้ ซึ่งถูกเสนอแผนการจัดการทำงานที่ยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้เพิ่มขึ้นจาก 65% ในปี 2558 มาเป็น 67% ในปีนี้ ถึงแม้สัดส่วนของบริษัทเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงจากนี้ได้
รูปแบบของการบริหารจัดการงานที่ยืดหยุนและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมโดยทั่วไปคือ การลางานโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า ( 75% ของบริษัททั้งหมด ) การยอมให้พนักงานทำงานนอกเวลา ( 35%) และการส่งรายงานล่วงหน้าหรือหลังจากการทำงาน ( 23%)
ทั้งนี้ จำนวนของพนักงานที่ทำงานบริษัทเต็มเวลาซึ่งได้รับอนุญาตให้ลาพักร้อนได้อย่างน้อย 15 วันต่อปี โดยได้รับค่าจ้าง อยู่ที่ 45% ในปีนี้ ปรับเพิ่มขึ้นจากตัวเลข 42% จากปี 2557 พนักงานและผู้บริหารที่มีการจัดการยังคงมีเวลาของวันหยุดมากกว่าเมื่อเทียบกับพนักงานในระดับธรรมดาทั่วไป
โดยผลการสำรวจพบว่า มีนายจ้างจำนวนมากขึ้นที่ให้ผลประโยชน์กับลูกจ้างมากขึ้น ด้วยการให้พนักงานมีเวลาจัดการกับการลากิจและลาหยุดจากเรื่องของครอบครัวของตัวเองเพิ่มขึ้น สิทธิประโยชน์เหล่านี้คือ การลาไปงานศพ ( 92% ของบริษัท) การลาแต่งงาน ( 74%) การลาไปศึกษาต่อหรือไปสอบ ( 40%)
นอกจากนี้ สัดส่วนของบริษัทที่พนักงานทำงานเต็มเวลา 5 วันต่อสัปดาห์เพิ่มขึ้นเป็น 48% จากเดิม 46%ในปี 2557 และ 43% เมื่อ 10 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงแรงงานรายงานว่า เนื่องจากจำนวนพนักงานและผู้บริหารที่มีการจัดการจะทำงานเพียง 5 วันต่อสัปดาห์ ยิ่งทำให้พนักงานระดับล่างส่วนใหญ่ยังคงต้องทำงานในเวลาที่ยาวนานกว่าต่อสัปดาห์ และทำงานเป็นกะ
บรรดาบริษัทที่เสนอให้มีการจ้ดการการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น มีพนักงานทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์เพิ่มขึ้นและวันลาพักร้อนที่เพิ่มขึ้นส่งผลดีคือทำให้จำนวนพนักงานที่ยื่นใบลาออกลดน้อยลง อ้างอิงจากรายงานของกระทรวงแรงงาน จากผลสำรวจที่ได้จากบริษัท.