สิงคโปร์ยังเชื่อมั่นเศรษฐกิจ
สิงคโปร์ต้องประสบกับห้วงเวลาที่ยากลำบากของสภาพเศรษฐกิจ ต้องเผชิญกับตลาดส่งออกที่เสมอตัวในช่วงการปรับโครงสร้างในประเทศ อ้างอิงจากถ้อยแถลงของนายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา
แต่นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ยังคงแสดงความเชื่อมั่นว่า สิงคโปร์กำลังกลับเข้าสู่สภาวะที่เหมาะสม
“ เรารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากการปรับโครงสร้าง แต่ยังคงไม่เห็นผลตอบแทนของการทำงานหนักแต่เรามาถูกทางแล้ว กำหนดยุทธศาสตร์ได้เหมาะสม และผมเชื่อมั่นว่า ยุทธศาสตร์เหล่านี้จะส่งผลดีสำหรับเรา ”
นายกรัฐมนตรีกล่าวกับนักศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีสิงคโปร์ (SIT) และได้กระตุ้นคนหนุ่มสาวในสิงคโปร์ให้มีการปรับตัวที่ดีและพร้อมจะทำหน้าที่รับผิดชอบอนาคตของสิงคโปร์
“ คุณต้องเปรียบเทียบตัวเองกับคนรุ่นพ่อแม่ของคุณ คุณคือผู้รับผลประโยชน์ของ 30 ปี จากการทำงานหนัก คุณมีพื้นฐานที่ดีกว่า และคุณมีหน้าที่ที่จะผลักดันอนาคตสิงคโปร์ให้รุดหน้าต่อไป ” ผู้นำสิงคโปร์
กล่าว ถึงแม้สิงคโปร์จะไม่ได้เติบโตรวดเร็วเท่าที่ผ่านมาในช่วง 30 ปี แต่ก็ยังคงมีการขยายตัวอยู่ที่ 2 – 3 % ต่อปี เท่ากับประเทศที่พัฒนาแล้ว
“ และนอกเหนือจากนั้น เราอยู่ในฐานะที่จะทำให้สิงคโปร์เป็นบ้านอันเป็นที่รักและสมบูรณ์พร้อม เพราะพวกคุณหลายคนอาจมีความฝันที่ยิ่งใหญ่กว่าแค่ประสบความสำเร็จและมีรายได้ที่มากขึ้นคุณต้องมีส่วนเสียสละให้ชุมชน ใส่ใจสิ่งแวดล้อม หรือคุณต้องการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งหรือคลั่งไคล้กีฬา และทั้งหมดเป็นส่วนที่ทำให้สิงคโปร์ขับเคลื่อนต่อไป ”
โดยนายกฯ ลี ยังได้เสริมว่าสิงคโปร์ทำได้ดีเพียงไร และสิงคโปร์จะเป็นสังคมแบบไหนในอีก 30 ปีข้างหน้าคงต้องขึ้นอยู่กับชาวสิงคโปร์รุ่นต่อไป
“ เราได้สร้างสรรค์เพื่อคนหนุ่มสาวของสิงคโปร์ในวันนี้เพื่อโอกาสที่ดีที่คุณมีมากกว่าคนรุ่นพ่อแม่ เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ระบบการศึกษายังไม่ดีเท่าทุกวันนี้ ในเวลานั้น มีเพียงคน 5% เท่านั้นที่ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยและอีก 5% ที่มีโอกาสได้เรียนที่โรงเรียนโพลีเทคนิค ”
“ การสร้างมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้น สร้างบัณฑิตเพิ่มขึ้น ไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่ยากคือการขัดเกลาคนและสร้างเศรษฐกิจไปพร้อมกัน คือหลังจากคุณเรียนจบ มีบางอย่างที่คุณอยากทำ มีงานรองรับ ซึ่งเหมาะกับความปรารถนาของคุณและสิ่งที่คุณลงทุนพากเพียรมา ”
ถึงแม้จะมีความยุ่งยากกับเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน นายกรัฐมนตรีลีก็กล่าวกับนักศึกษาที่ SIT ว่า เขาเชื่อว่าเมืองชั้นนำในโลกทั้ง นิวยอร์ก ลอนดอน เบอร์ลิน เซี่ยงไฮ้ ซิดนีย์ หรือแม้แต่สิงคโปร์ จะยังสร้างแรงสั่นสะเทือน ยังเป็นศูนย์กลางที่รุ่งเรืองของโอกาส นวัตกรรม วัฒนธรรม และจะทรงอิทธิพลอยู่ต่อไป
“ ขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เฉียบขาด มั่งคั่ง คุณต้องมีทุกสิ่งอยู่ในตัวคุณ เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นเราจะก้าวต่อไป ขานรับกับมัน เราไม่ได้ทำจากสายไหมเบานุ่ม เราไม่ใช่เจเนเรชั่นสตรอว์เบอรรี เราเป็นเหมือนทุเรียน แข็งแกร่งมากๆ ”.