แบรนด์เวียดนามโตเร็ว
มูลค่าของ 50 แบรนด์ทรงคุณค่าของเวียดนามในปี 2559 นี้สูงประมาณ 7,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 5,500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในปีที่แล้ว
สถาบันแบรนด์ไฟแนนซ์ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาอิสระในการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจ ได้ประกาศรายชื่อ 50 แบรนด์ทรงคุณค่าประจำปีของเวียดนามในนครฮานอยเมื่อวันที่ 15 ก.ย. ซึ่งเป็นการจัดงานเป็นปีที่ 2 ในเวียดนาม และเป็นการแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่รุดหน้าของแบรนด์เวียดนามชั้นนำ
โดยอัตราการเติบโตเฉลี่ยของ 50 แบรนด์ชั้นนำนี้อยู่ที่ 20% ซึ่งถือว่ามีการเติบโตที่สูงมากเมื่อเทียบกับแบรนด์ในประเทศอาเซียนอื่นๆ ซึ่งแทบไม่มีการขยายตัวและบางแบรนด์ก็ถดถอยลง
ทั้งนี้ มูลค่าโดยรวมของ 50 แบรนด์ชั้นนำเพิ่มขึ้นถึง 39% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2558 ชี้ให้เห็นว่าบริษัทในเวียดนามกำลังเกาะเกี่ยวกระแสโลกในการลงทุนแบรนด์อย่างค่อยเป็นค่อยไป
โดย 5 อันดับแบรนด์แรกยังคงรั้งตำแหน่งเดิมไว้ได้ สามารถเพิ่มมูลค่าของแบรนด์ตัวเองได้สูงถึง 47% ของมูลค่าแบรนด์ทั้ง 50 แบรนด์ชั้นนำ
ไวนามิลค์คือบริษัทเวียดนามที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งคุณค่าแบรนด์และความแข็งแรงของแบรนด์ และเป็นแบรนด์เวียดนามแบรนด์เดียวที่ได้เรตติ้งถึง AAA ในด้านความแข็งแรงของแบรนด์ ถึงแม้จะมีมูลค่าลดลงถึง 11% จากปี 2558 ก็ตาม ในขณะที่เวียดเทลเทเลคอมเป็นแบรนด์ที่มีพัฒนาการสูงสุดในแง่มูลค่า และเป็นครั้งแรกที่สามารถขึ้นไปติดอันดับ 1 ใน 100 บริษัทโทรคมนาคมที่ทรงคุณค่าที่สุดของโลกได้สำเร็จ
นอกจากนี้ ธนาคารของเวียดนามและบริษัทในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมอื่นๆ ต่างก็แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวที่แข็งแกร่งเช่นกัน โดยธนาคาร 3 แห่งคือ เวียดอินแบงก์ เวียดคอมแบงก์ และ BIDV เข้ามาติดอยู่ในอันดับแบรนด์ชั้นนำด้วย สำหรับ BIDV คือครั้งแรก ส่วนเวียดอินแบงก์ และเวียดคอมแบงก์ ต่างก็ขยับอันดับขึ้นในการจัดอันดับธนาคารทั่วโลก
นายซามีร์ ดิซิท กรรมการผู้อำนวยการของแบรนด์ไฟแนนซ์ เอเชีย-แปซิฟิกกล่าวในงานว่า อันดับที่ได้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่ก้าวหน้าของบริษัทในเวียดนาม
“ แบรนด์คือแรงขับเคลื่อนความสำเร็จที่เป็นนามธรรมและสำคัญมากสำหรับผู้ถือหุ้นและรายได้ของธุรกิจ ผลการศึกษาของเราชี้ให้เห็นว่า แบรนด์ที่ได้เรตติ้ง AAA จะได้รับผลกำไรทางธุรกิจสูงกว่าแบรนด์ที่ได้เรตติ้ง A ” นายดิซิทกล่าว
นายล่าย เตี๋ยน มั่น ตัวแทนประจำเวียดนามของแบรนด์ไฟแนนซ์เวียดนาม ให้ความเห็นว่า บริษัทในประเทศจำนวนมากที่พลาดโอกาสในการควบรวมกิจการ ( M&A) เนื่องจากไม่ได้นำคุณค่าแบรนด์เข้าสู่การประเมิน
“ เวียดนามกำลังก้าวเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์จากอันดับเรตติ้งที่สูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ TPP และ AEC ด้วยข้อตกลงการค้าเสรีเหล่านี้จะเป็นมาตรวัดความพร้อมในการบุกตลาดโลก เพื่อกลายเป็นแบรนด์ในระดับโลก ดังนั้น การจัดอันดับแบรนด์ถือเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการเตรียมความพร้อม ” เขากล่าว
เขาเสริมว่า “ มีการยกระดับโดย M&A ที่เกิดขึ้นในธุรกิจหลายประเภท เช่น อสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีกหรือสินค้าจำหน่ายเร็วและต้นทุนต่ำ (FMCG) และการจัดอันดับแบรนด์สำคัญกับตลาดคือ จะช่วยอ้างอิงให้กับนักลงทุนถึงมูลค่าที่สมควรจะจ่ายเพื่อแบรนด์ หรือเมื่อต้องการขายหุ้น หรือทำข้อตกลงควบรวมกิจการ ”.