เศรษฐกิจกัมพูชาโตต่อเนื่อง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังรายงานว่า เศรษฐกิจของกัมพูชายังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้
ด้วยตัวเลขการขยายตัวถึง 7% ถึงแม้จะมีความผันผวนของเศรษฐกิจโลกอยู่ โดยกัมพูชาได้แรงขับเคลื่อนสำคัญจากการเติบโตในภาคสิ่งทอและบริการ
มีการประกาศตัวเลขนี้ในการประมวลผลกลางปีของแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคของกัมพูชาเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ซึ่งรายงานว่า คาดการณ์ว่าภาคสิ่งทอจะมีการขยายตัวถึง 11.4% และภาคบริการมีการขยายตัว 6.7% ในปี 2559 นี้ แต่ในทางกลับกัน คาดการณ์ว่าภาคเกษตรกรรมจะมีการเติบโตเพียง 0.5% เท่านั้น
นายวงเซ วิสท รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังกล่าวว่า การเติบโตอย่างแข็งแกร่งในภาคสิ่งทอและบริการเป็นสิ่งชดเชยภาคเกษตรกรรมที่ซบเซาลง และช่วยขับเคลื่อนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงครึ่งปีแรกนี้
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขากล่าวชื่นชมความสำเร็จทางเศรษฐกิจ แต่เขาก็กล่าวเตือนว่า คณะรัฐบาลต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังเนื่องจากยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากภายนอก เช่น เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวและสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดจากเบร็กซิท
“ เครื่องบินของเรายังบินได้อย่างราบรื่นในปีนี้และปีหน้า แต่บางครั้งเราอาจจะเจอกับหลุมอากาศได้ เราจึงควรจะคาดเข็มขัดเพื่อหลีกเลี่ยงจากอาการบาดเจ็บ ” เขากล่าว
สำหรับภาคสิ่งทอ นายวิสทเน้นว่า การขยายตัวของการนำเข้าวัตถุดิบเป็นสัญญาณว่า ภาคสิ่งทอยังคงไปได้ดี และมีตัวชี้วัดที่แสดงว่า อุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศกำลังมุ่งหน้าไปสู่การผลิตสินค้าที่มีมูลค่าในระดับไฮเอนด์
อ้างอิงจากรายงานของกระทรวงการส่งออกเสื้อผ้าและรองเท้าในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มีมูลค่าถึง 3,490 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 10.7% จากเดิม 3,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2558
โดยในรายงานชี้ว่า ทั้งการท่องเที่ยวและเงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีผลการดำเนินการที่ไม่แข็งแกร่งนัก ในภาคท่องเที่ยวมีคู่แข่งสำคัญคือเมียนมาและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในจีนส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากัมพูชาลดลง ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั้งในจีนและประเทศอื่นๆ ในเอเชียทำให้มูลค่า FDI ที่ไหลเข้ามาในประเทศลดลงเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงยังได้เน้นถึงรายได้จากการจัดเก็บภาษีในช่วงครึ่งปีแรกนี้ โดยกัมพูชาจัดเก็บภาษีศุลกากรได้มากกว่า 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 27% ขณะที่เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้ถึง 3,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นายจัน โสพัล ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษานโยบายให้ความเห็นว่า ในรายงานชี้ให้เห็นถึงสภาพของเศรษฐกิจมหภาค และตัวเลข 7% เป็นตัวเลขที่เหมาะสมสำหรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกัมพูชา แต่รัฐบาลจำเป็นต้องจัดการกับความไม่เท่าเทียมกันของฐานะทางสังคมและทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างครอบคลุมมากกว่านี้
หมายเหตุ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ = 34.75 บาท / 31 ส.ค. 2559