อินโดฯเตรียมเปิดใช้อาคารผู้โดยสารใหม่
อาคารผู้โดยสารแห่งใหม่ที่สนามบินนานาชาติของอินโดนีเซียจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 ส.ค.นี้ หลังจากมีการเลื่อนกำหนดการเปิดใช้มานานเกือบสองเดือน หลังพบจุดบกพร่องที่ลานจอดเครื่องบิน รวมทั้งระบบสำรองการจ่ายไฟฟ้า
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้มีการอนุมัติกำหนดการเปิดการปฏิบัติงานในเฟสแรกในอาคารเทอร์มินัล 3 ของสนามบินนานาชาติซูการ์โน-ฮัตตาในกรุงจาการ์ตา ด้วยจำนวน 252 เที่ยวบินภายในประเทศของสายการบินแห่งชาติการูดาในวันที่ 9 ส.ค.นี้ อ้างอิงจากข้อมูลของนายโจโค เมอร์จาดโมดโจ รักษาการประธานผู้อำนวยการการท่าอากาศยาน โดยระบบอำนวยความสะดวกของอาคารที่มีมูลค่าถึง 5 ล้านล้านรูเปียห์จะเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในเดือนมี.ค.ปีหน้า
เมื่ออาคารเปิดใช้อย่างเต็มรูปแบบ จะสามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารได้มากถึง 25 ล้านคนต่อปี ช่วยลดความหนาแน่นของผู้มาใช้บริการจาก 2 อาคารเดิม ซึ่งสามารถรองรับผู้โดยสารได้เพียง 18 ล้านคนเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม นายโจโคกล่าวว่า ตัวเลขนี้ยังคงห่างไกลจากจำนวนผู้มาใช้บริการสนามบินนานาชาติที่มีมากถึง 60 ล้านคนต่อปีอยู่มาก
นายอิกเนเซียส โจนัน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในส่วนพื้นฐานหลังจากไปเยือนเทอร์มินัลใหม่นี้ในเดือนมิ.ย.และสั่งให้มีการปรับปรุง โดยบางส่วนของปัญหาถูกหยิบยกขึ้นมาแก้ไขโดยเจ้าหน้าที่ในกระทรวง เช่น ระบบสำรองไฟฟ้า ซึ่งควรทำงานได้ดีกว่านี้ และทัศนวิสัยที่บกพร่องจากอาคารควบคุมการจราจรทางอากาศ โดยมีการยืนยันถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารขั้นสูงสุดจากเจ้าหน้าที่
โดยอาคารรองได้มีการติดตั้งจอมอนิเตอร์ที่สามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวของเครื่องบินแต่ละลำและถ่ายทอดข้อมูลไปยังอาคารหลัก อ้างอิงจากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ นายโจโคกล่าวว่า ประเด็นอื่นๆ เช่น ป้ายที่ยังไม่สมบูรณ์ ความสะอาดและห้องน้ำที่ชำรุดจะได้รับการแก้ไขให้เร็วที่สุด
จากขนาดอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ที่ครอบคลุมพื้นที่ถึง 422,804 ตารางเมตร ทำให้มีขนาดใหญ่กว่าอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 3 ของสนามบินนานาชาติชางงีของสิงคโปร์ โดยได้มีการรายงานมาก่อนหน้านี้ว่าอาคารผู้โดยสารแห่งใหม่นี้จะเป็นคู่แข่งสำคัญของสนามบินชางงีและสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ และดึงดูดใจให้ผู้โดยสารเลือกกรุงจาการ์ตาเป็นศูนย์กลางการบิน
ทั้งนี้ นายโจโคกล่าวว่า อาคารผู้โดยสารแห่งนี้มีครบครันทั้งความสะดวกสบายที่ทันสมัยและเทคโนโลยีเมื่อเปรียบเทียบกับสนามบินนานาชาติแห่งอื่นในภูมิภาคนี้ เช่น ระบบการโหลดกระเป๋าเดินทางอัตโนมัติ ระบบป้องกันความปลอดภัยจากการสแกนใบหน้า และรถไฟฟ้าที่ช่วยขนส่งผู้โดยสารระหว่างอาคาร
เขากล่าวว่า “ ในแง่ของความสะดวกสบายและความปลอดภัย เราทัดเทียมกับสนามบินแห่งอื่นแล้ว และหวังว่าจะดีกว่าในที่สุด”