เวียดนามไม่ปรับเป้าเศรษฐกิจ

ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจของเวียดนามกล่าวในการประชุมที่นครฮานอยว่า รัฐบาลไม่ควรปรับเป้าตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจเดิมที่ 6.7% ถึงแม้มีแนวโน้มว่าจะไม่เป็นไปตามเป้าในปีนี้ก็ตาม
นายเหงียน ดิน กุง ผู้อำนวยการสถาบันส่วนกลางเพื่อการจัดการเศรษฐกิจ (CIEM) กล่าวในฐานะหน่วยงานที่ติดตามสภาพเศรษฐกิจล่าสุดในไตรมาส 2 ของปีนี้ว่า “ ผมคาดว่า เป็นเรื่องดีที่รัฐบาลจะมุ่งไปที่เป้าหมายเดิมโดยไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ เพราะหากไม่มีการปรับเปลี่ยนเลย เราจะสามารถตรวจสอบและแยกแยะข้อมูลทั้งหมดในสิ้นปีนี้ได้ว่า ทำไมเราถึงพลาดเป้า เราต้องขวนขวายค้นหามาตรการและโอกาสอื่นๆ มากกว่าที่จะนั่งปรบมือดูตัวเลขที่ลดลง ”
จากรายงานของซีไออีเอ็ม ซึ่งเป็นหน่วยงานให้คำแนะนำแก่รัฐบาลในด้านนโยบายการจัดการเศรษฐกิจย้ำว่า เป้าหมายตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ 6.7% ของรัฐบาลนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์จากสื่อในประเทศเมื่อต้นปีนี้
นายกุงกล่าวว่า เวียดนามยังไม่มีโมเมนตัมคืนมาเพียงพอสำหรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี ซึ่งอยู่ประมาณ 5.5% ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ เวียดนามได้รับผลกระทบจากความผันผวนทางเศรษฐกิจในภูมิภาคพอสมควร จึงต้องการเวลามากกว่านี้ที่จะแก้ไขปัญหาให้ลุล่วง
อ้างอิงจากถ้อยแถลงของนายกุง ภาคส่วนเกษตรกรรม ป่าไม้ และประมง มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยคือ 0.6% เมื่อเปรียบเทียบกันไตรมาสต่อไตรมาส
มูลค่าการส่งออกโดยรวมอยู่ที่ 82,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ปรับเพิ่มขึ้น 5.7% จากช่วงสิ้นปี 2558 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในรอบ 2-3 ปี โดยการเติบโตของการส่งออก ได้แรงขับเคลื่อนที่สำคัญจากเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ โดยมูลค่าหนี้เสียในเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยคือ 2.62% ในช่วงสิ้นเดือนมี.ค.
นายเหงียน กวง ไถ เป็นนักเศรษฐศาสตร์อีกคนที่เห็นด้วยกับนายกุง โดยเขากล่าวว่า การไม่ปรับเปลี่ยนเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะเป็นการกดดันให้ประเทศต้องพยายามให้มากขึ้น
เขากล่าวว่า “ พื้นฐานของการเติบโตยังคงอ่อนไหว โดยเฉพาะการลดลงในภาคเกษตรกรรมและภาคการผลิต จำเป็นที่จะต้องเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย ปรับโครงสร้างการลงทุนของภาครัฐ และปรับปรุงการจ้างงานและรายได้ ”
นายเล ดัง ซวน ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจอีกคนหนึ่ง ให้ความเห็นว่า เวียดนามจะเผชิญกับความผันผวนทางเศรษฐกิจจากทั่วโลกมากกว่านี้ โดยเบร็กซิทอาจส่งผลกระทบกับเวียดนามในทางอ้อมในระยะยาว และกรณีพิพาทเหนือทะเลจีนใต้ก็อาจกระทบการค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
ส่วนเศรษฐกิจในประเทศ นายกุงมองว่า มีพื้นฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ เนื่องจากคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ได้ส่งสัญญาณกระตุ้นบรรยากาศทางธุรกิจ และสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ง่ายขึ้นสำหรับผู้ประกอบการ
นายอาชิม ฟ็อค ผู้อำนวยการที่กำกับดูแลเวียดนามจากธนาคารโลก กล่าวในการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะกลางของเวียดนามยังคงเป็นบวก โดยคาดการณ์ว่า จีดีพีของเวียดนามในปีนี้จะอยู่ที่ 6%