ยอดขายหยกในเมียนมาลดวูบ
ยอดขายหยกดิบในเมียนมาลดต่ำลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วจากรายงานของเจมส์เอ็มโพเรียม ซึ่งเป็นกิจการที่รัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการ
โดยข้อมูลในรายงานชี้ว่า สาเหตุมาจากอุปสงค์จากจีนที่ชะลอตัวลง รวมถึงนโยบายของรัฐบาลที่จำกัดปริมาณการขายหยกดิบ ที่มีผลในการส่งเสริมมูลค่าหยกแปรรูปในเมียนมา
ก่อนหน้านี้ ผู้ค้าชาวจีนจำนวนมากจะเดินทางไปซื้อหยกดิบที่เมียนมาและขายต่อให้บริษัทผู้ผลิตเครื่องประดับในจีน ซึ่งสามารถทำกำไรได้สูงมากจากการผลิตกำไลหยกและเครื่องประดับชนิดอื่นๆ เนื่องจากมีอุปสงค์จำนวนมหาศาลในตลาดจีน ที่ซึ่งหยกเป็นของมีราคาและเป็นสิริมงคลแก่ผู้สวมใส่
เมียนมาเจมส์เอนเตอร์ไพรส์ ซึ่งดำเนินการภายใต้การกำกับดู
ยอดขายหยกดิบในเมียนมาลดต่ำลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วจากรายงานของเจมส์เอ็มโพเรียม ซึ่งเป็นกิจการที่รัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการ
โดยข้อมูลในรายงานชี้ว่า สาเหตุมาจากอุปสงค์จากจีนที่ชะลอตัวลง รวมถึงนโยบายของรัฐบาลที่จำกัดปริมาณการขายหยกดิบ ที่มีผลในการส่งเสริมมูลค่าหยกแปรรูปในเมียนมา
ก่อนหน้านี้ ผู้ค้าชาวจีนจำนวนมากจะเดินทางไปซื้อหยกดิบที่เมียนมาและขายต่อให้บริษัทผู้ผลิตเครื่องประดับในจีน ซึ่งสามารถทำกำไรได้สูงมากจากการผลิตกำไลหยกและเครื่องประดับชนิดอื่นๆ เนื่องจากมีอุปสงค์จำนวนมหาศาลในตลาดจีน ที่ซึ่งหยกเป็นของมีราคาและเป็นสิริมงคลแก่ผู้สวมใส่
เมียนมาเจมส์เอนเตอร์ไพรส์ ซึ่งดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ได้ยกระดับขึ้นเป็นศูนย์รวมผู้ซื้อหยกจากภายในประเทศและต่างประเทศในงานเทศกาลประจำปีที่จัดขึ้นในช่วงวันที่ 24 มิ.ย – 6 ก.ค.เป็นประจำทุกปีในกรุงเนปิดอว์ ทั้งนี้ ผู้ซื้อจากต่างประเทศส่วนใหญ่มาจากจีน ฮ่องกง ไต้หวันและประเทศไทย
เจ้าหน้าที่จากเมียนมาเจมส์เอนเตอร์ไพรส์ กล่าวว่า หยกดิบ 6,000 ล็อตถูกนำออกมาวางโชว์เพื่อขาย ในงานนี้ ซึ่งเป็นจำนวนที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากเดิม 9,000 ล็อตที่มาวางขายในเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว จากการลดจำนวนหยกที่วางขายในปีนี้สะท้อนให้เห็นถึงเจตนาของรัฐบาลที่จะลดปริมาณการขายหยกดิบลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ผู้ซื้อเองก็กลับลดปริมาณการซื้อลงด้วย
อย่างไรก็ตาม นายมิน ตู ผู้อำนวยการเมียนมาเจมส์เอนเตอร์ไพรส์ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิระวดีเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ว่า “ยังเหลือเวลาอีก 2 วัน กว่าจะจบงาน แต่ยอดขายหยกสูงถึง 475 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แล้ว ” โดยจนถึงตอนนี้ ภายในงานสามารถขายหยกไปได้ถึง 3,880 ล็อตแล้ว
นายเพียว ไว ผู้ค้าหยกในเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นตลาดค้าหยกขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งในเมียนมาให้ข้อมูลว่า “ผู้ค้าไม่มีอะไรทำมากนักในช่วงนี้เพราะตลาดซบเซาลง มีปริมาณหยกเข้ามาในตลาดน้อยลง ลูกค้าส่วนใหญ่ของเรามาจากจีน ”
“ถึงแม้เราจะส่งหยกไปทำเป็นเครื่องประดับที่เมืองรูอิลี (เมืองในจีนที่มีพรมแดนติดกับเมียนมาทางตอนเหนือของรัฐฉาน) ตลาดก็ยังซบเซาอยู่ เราทำอะไรไม่ได้จริงๆ นี่ไม่ใช่เวลาที่ดีของเราเลย” เขาโอดครวญ
ทั้งนี้ ผู้ค้าหยกในเมืองมัณฑะเลย์และย่างกุ้งต่างกล่าวโทษว่าที่ตลาดค้าหยกซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัดเกิดจากการเปลี่ยนผ่านอำนาจทางการเมืองในเมียนมาปีนี้ รวมถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายทางเศรษฐกิจของจีน ภายใต้การปกครองของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
นอกจากนี้ ยังมีความพยายามจากฝ่ายรัฐบาลเพื่อจัดระเบียบและจำกัดปริมาณการขายหยกดิบ โดยในปี2558 ภายใต้การบริหารประเทศของรัฐบาลเดิม ทางเมียนมาเจมส์เอนเตอร์ไพรส์ได้ออกกฎให้ผู้ค้าจากต่างประเทศต้องวางเงินประกันอย่างน้อย 55,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อสัญญาการซื้อขายหยกทุกๆ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีนโยบายนี้ออกมาหลังจากก่อนหน้านี้ผู้ซื้อต่างชาติหลายรายผิดนัดในการประมูล ซื้อหยกดิบที่มีมูลค่าสูงลิ่ว โดยผู้ประมูลได้จะต้องจ่ายค่าหยกเป็นรายเดือนแต่ผู้ซื้อหลายรายมักผิดนัดในการชำระหนี้
แลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ได้ยกระดับขึ้นเป็นศูนย์รวมผู้ซื้อหยกจากภายในประเทศและต่างประเทศในงานเทศกาลประจำปีที่จัดขึ้นในช่วงวันที่ 24 มิ.ย – 6 ก.ค.เป็นประจำทุกปีในกรุงเนปิดอว์ ทั้งนี้ ผู้ซื้อจากต่างประเทศส่วนใหญ่มาจากจีน ฮ่องกง ไต้หวันและประเทศไทย
เจ้าหน้าที่จากเมียนมาเจมส์เอนเตอร์ไพรส์ กล่าวว่า หยกดิบ 6,000 ล็อตถูกนำออกมาวางโชว์เพื่อขาย ในงานนี้ ซึ่งเป็นจำนวนที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากเดิม 9,000 ล็อตที่มาวางขายในเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว จากการลดจำนวนหยกที่วางขายในปีนี้สะท้อนให้เห็นถึงเจตนาของรัฐบาลที่จะลดปริมาณการขายหยกดิบลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ผู้ซื้อเองก็กลับลดปริมาณการซื้อลงด้วย
อย่างไรก็ตาม นายมิน ตู ผู้อำนวยการเมียนมาเจมส์เอนเตอร์ไพรส์ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิระวดีเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ว่า “ยังเหลือเวลาอีก 2 วัน กว่าจะจบงาน แต่ยอดขายหยกสูงถึง 475 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แล้ว ” โดยจนถึงตอนนี้ ภายในงานสามารถขายหยกไปได้ถึง 3,880 ล็อตแล้ว
นายเพียว ไว ผู้ค้าหยกในเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นตลาดค้าหยกขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งในเมียนมาให้ข้อมูลว่า “ผู้ค้าไม่มีอะไรทำมากนักในช่วงนี้เพราะตลาดซบเซาลง มีปริมาณหยกเข้ามาในตลาดน้อยลง ลูกค้าส่วนใหญ่ของเรามาจากจีน ”
“ถึงแม้เราจะส่งหยกไปทำเป็นเครื่องประดับที่เมืองรูอิลี (เมืองในจีนที่มีพรมแดนติดกับเมียนมาทางตอนเหนือของรัฐฉาน) ตลาดก็ยังซบเซาอยู่ เราทำอะไรไม่ได้จริงๆ นี่ไม่ใช่เวลาที่ดีของเราเลย” เขาโอดครวญ
ทั้งนี้ ผู้ค้าหยกในเมืองมัณฑะเลย์และย่างกุ้งต่างกล่าวโทษว่าที่ตลาดค้าหยกซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัดเกิดจากการเปลี่ยนผ่านอำนาจทางการเมืองในเมียนมาปีนี้ รวมถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายทางเศรษฐกิจของจีน ภายใต้การปกครองของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
นอกจากนี้ ยังมีความพยายามจากฝ่ายรัฐบาลเพื่อจัดระเบียบและจำกัดปริมาณการขายหยกดิบ โดยในปี2558 ภายใต้การบริหารประเทศของรัฐบาลเดิม ทางเมียนมาเจมส์เอนเตอร์ไพรส์ได้ออกกฎให้ผู้ค้าจากต่างประเทศต้องวางเงินประกันอย่างน้อย 55,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อสัญญาการซื้อขายหยกทุกๆ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีนโยบายนี้ออกมาหลังจากก่อนหน้านี้ผู้ซื้อต่างชาติหลายรายผิดนัดในการประมูล ซื้อหยกดิบที่มีมูลค่าสูงลิ่ว โดยผู้ประมูลได้จะต้องจ่ายค่าหยกเป็นรายเดือนแต่ผู้ซื้อหลายรายมักผิดนัดในการชำระหนี้