ลาวดึงนักลงทุนต่างชาติ
รัฐบาลลาวยืนยันถึงคำมั่นที่จะเปิดไฟเขียวให้กับผู้ประกอบการธุรกิจจากต่างชาติเพื่อให้ค้นหาโอกาสในการลงทุนในลาวได้มากขึ้น
อ้างอิงจากคำแถลงของรองนายกรัฐมนตรี ดร.สนไซ สีพันดอน ในระหว่างงานเอ็กซ์โปจีน-เอเชียใต้และงานแสดงสินค้านำเข้าส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์คุนหมิง ครั้งที่ 24 เมื่อวันที่ 12 มิ.ยที่ผ่านมา
โดยรองนายกฯของลาวได้กล่าวว่า ถึงแม้ลาวจะไม่มีพรมแดนติดทะเลแต่ก็มีที่ตั้งเป็นศูนย์กลางของ 5 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง และลาวพร้อมที่จะเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนต่างชาติให้มาประกอบธุรกิจในลาว
เขากล่าวว่า“จากนโยบายของรัฐบาลที่จะดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศและเป็นประเทศที่มีความพร้อมในด้านทรัพยากรธรรมชาติ จะช่วยให้จำนวนนักลงทุนที่สนใจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนจากจีน”
อ้างอิงจากการลงทุนของจีนในลาว โดยเฉพาะจากมณฑลยูนนาน นายสนไซกล่าวว่าลาวและยูนนาน ยังคงมีการเพิ่มความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ มูลค่าการลงทุนระหว่างลาวและยูนนานสูงถึง 882 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2558 นอกจากนี้ รองนายกฯสนไซยังให้ข้อมูลว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้ มีบริษัทจากมณฑลยูนนานถึง 219 แห่งที่มาลงทุนในลาว โดยประมาณค่าใช้จ่ายในการลงทุนได้สูงถึง 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจพิเศษ
นายสนไซกล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจที่ลาวกลายเป็นประเทศเป้าหมายที่ดึงดูดเงินลงทุนจำนวนมหาศาลจากยูนนานได้
เขากล่าวว่า“ความร่วมมือระหว่างลาวและมณฑลยูนนานเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ ‘หนึ่งเข็มขัดเศรษฐกิจหนึ่งเส้นทาง’ โดยการริเริ่มยุทธศาสตร์นี้ของจีน มีส่วนในการกระจายความสำคัญเข้ามาในระบบการพัฒนาเศรษฐกิจของลาว”
โดยในระหว่างงานแสดงสินค้าครั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีสนไซของลาวมีโอกาสได้สนทนากับรองประธานาธิบดีหวัง หยาง ของจีนด้วย
ทางด้าน นายหวัง หยาง กล่าวว่าทั้งสองประเทศควรเสริมสร้างการสื่อสารและการแลกเปลี่ยนในประสบการณ์การบริหารประเทศระดับสูงนี้ให้แข็งแกร่งต่อไป เพื่อผลักดันให้มีความก้าวหน้าทั้งในด้านความสามารถในการผลิตภาคอุตสาหกรรม การลงทุน เขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับท้องถิ่นด้วย
ลาวและจีนเริ่มความสัมพันธ์ทางการทูตมาตั้งแต่ปี 2504 โดยปีนี้เป็นปีที่ครบรอบ 55 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้งสองประเทศ และนับเป็นโชคดีที่ลาวเตรียมพร้อมเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ด้วย