ท่าเรือเมียนมาโตไม่ทันศก.
รัฐบาลใหม่ของเมียนมาต้องประสบกับวิกฤตการจัดการเศรษฐกิจเป็นครั้งแรก
จากสภาพสินค้าที่ติดขัดอยู่ในท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในเมียนมาเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ สร้างความตระหนกแก่นักลงทุนจนอาจหนีหายและขัดขวางการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
ท่าเรือเก่าที่ทรุดโทรมและมีสภาพทางกายภาพเป็นคอขวดก่อให้เกิดปัญหาต่ออุปสงค์ของสินค้าในการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจที่กำลังเร่งเครื่องขึ้นหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่นางอองซาน ซูจี หัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ( NLD) เป็นผู้ชนะในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
นางสาวมา เชอร์รี่ ทริเวดิ กรรมการผู้จัดการบริษัทอายุโดรมา อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ปรึกษาของการท่าเรืออุตสาหกรรมเมียนมา (MIP) ซึ่งประสบกับปัญหาความแออัดสูงสุด กล่าวว่า “เพราะเศรษฐกิจโตเร็วมากท่าเรือเลยแน่นสุดๆ เรือไม่มีที่ไปแล้ว”
เมียนมาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจเร็วที่สุดในโลก มีตัวเลขการขยายตัวสูงถึง 7 – 8% ในหลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่รัฐบาลทหารเริ่มวางมือจากการบริหารประเทศโดยตรงตั้งแต่ปี 2554
แต่ท่าเรือหลักของเมียนมากลับเปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนับตั้งแต่ยุคที่เมียนมาเป็นอาณานิคมของอังกฤษตั้งแต่ 70 ปีที่แล้ว ท่าเรือจึงกลายเป็นสัญญลักษณ์ของโครงสร้างพื้นฐานที่ผุพัง ที่ไม่อาจเหนี่ยวรั้งการลงทุนจากต่างประเทศที่ นางซูจี คาดการณ์ไว้อย่างสูงและพยายามจะเปลี่ยนแปลงหลังจากถูกกองทัพครอบงำมาเป็นเวลานานหลายทศวรรษ
จำนวนเรือที่เปลี่ยนถ่ายสินค้าในกรุงย่างกุ้งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในรอบ 10 ปีและจำนวนตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า ก่อให้เกิดความแออัด ทำให้ระบบโลจิสติกส์แปรปรวนและการขนส่งสินค้าล่าช้า
บริษัทขนส่งสินค้าแห่งหนึ่งให้ข้อมูลว่า วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้นเพราะการท่าเรืออุตสาหกรรมเมียนมาคำนวณจำนวนเรือขนส่งสินค้าที่จะเข้าเทียบท่าผิดพลาดก่อนวันหยุดยาว 3 สัปดาห์ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีการทำการใดๆ ทำให้เรือเกือบ 10 ลำต้องเสียเวลาไปนานถึง 2 สัปดาห์กว่าที่จะสามารถขนถ่ายสินค้าลงที่ท่าเรือได้ ทำให้เกิดการจราจรติดขัดครั้งมโหฬารที่ท่าเรือ
ทำเนียบประธานาธิบดีเมียนมาออกประกาศมาตรการฉุกเฉินในช่วงกลางเดือนพ.ค.เพื่อแก้ปัญหาความแออัด โดยให้มีการทำงานตลอด 24 ชั่วโมงทั้งส่วนปฏิบัติการที่ท่าเรือและพิธีการทางศุลกากร และยังมีคำสั่งให้มีการรายงานสถานการณ์ประจำวันจากกระทรวงพาณิชย์และขนส่งด้วย
นางสาวมา เชอร์รี่ ทริเวดิ กล่าวว่าเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.มีการเคลียร์สินค้าที่คั่งค้างที่ท่าเรือครั้งใหญ่ โดยมีการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยที่สายการเดินเรือเพื่อช่วยจัดการสถานการณ์ที่ยุ่งยากเป็นมาตรการฉุกเฉินเพื่อป้องกันคลังสินค้าไม่ให้แออัดอีก
นายทัตสึยะ อุเอกิ กรรมการผู้จัดการบริษัทขนส่งสินค้าเอ็มโอแอลเมียนมา ให้ความเห็นว่า โครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือไม่สามารถรองรับการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบันได้
โดยนายอุเอกิ กล่าวว่า “ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ปัญหานี้ ขึ้นอยู่ที่ว่ารัฐบาลมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะแก้ปัญหานี้และพร้อมทุ่มงบเป็นพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อพัฒนาท่าเรือมากแค่ไหน”