อินโดนำเข้าเนื้อวัวหมื่นตัน
ฤดูกาลที่ผันผวน ส่งผลให้เนื้อวัว และหัวหอมของประเทศอินโดนิเซียขาดแคลน ทำให้ราคาเนื้อวัวภายในประเทศเพิ่มขึ้นเฉียด 300 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้รัฐบาลต้องตัดสินใจนำเข้าเนื้อวัวมาเป็นที่สุดเป็นประวัติศาสตร์
อินโดนีเซียนำเข้าเนื้อวัวต่างชาติกว่า 10,000 ตัน หลังเนื้อตลาดภายในแพงเกินจนตลาดขาดสมดุลรวมทั้งยังต้องนำเข้าหัวหอมอีก 2,500 ตัน หลังเกิดการเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตท้องถิ่นจนหัวหอมขาดตลาด โดยบริษัทของรัฐจะเป็นผู้ดำเนินการนำเข้าทั้งหมดไม่ว่าเนื้อหรือหัวหอม
เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดอะ จาการ์ตา โพสต์รายงานเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ว่าทางการอินโดนีเซียจะนำเข้าเนื้อวัวกว่า 10,000 ตัน จากหลายประเทศรวมทั้งประเทศออสเตรเลีย เพื่อทำให้ราคาเนื้อในตลาดภายในประเทศที่กำลังพุ่งขึ้นให้เกิดความสมดุล ทั้งนี้เป็นการเปิดเผยของรัฐมนตรีคนหนึ่งประจำกระทรวงทางด้านเศรษฐกิจของอินโดนีเซียซึ่งยังระบุด้วยว่า ราคาขายเนื้อในตลาดปัจจุบันถือว่าค่อนข้างแพง โดยตกกิโลกรัมละ 113,000 รูเปีย หรือ 8.29 ดอลลาร์ต่อกิโลกรัม (ราว 295 บาทต่อกิโลกรัม) ขณะที่ภาครัฐต้องการให้การนำเข้าเนื้อจากต่างประเทศเข้ามาทำให้ราคาตกลงมาอยู่ที่ระหว่าง 80,000-85,000 รูเปียต่อกิโลกรัม (ราว209-222บาทต่อกิโลกรัม)
“พวกเรามอบหมายให้บริษัทเบอร์ดิการี ซึ่งเป็นบริษัทดำเนินการ โดยรัฐเป็นผู้จัดการเรื่องการนำเข้าเนื้อเพื่อทำให้ราคาขายในประเทศอยู่ที่กิโลกรัมละ 80,000-85,000 รูเปียดังกล่าว โดยให้โควตานำเข้ารวม 10,000 ตันและจะนำเข้ามาได้ก่อนเดือนมิ.ย.นี้” รัฐมนตรีคนเดิม กล่าวเสริม
ข่าวระบุด้วยว่านอกจากเนื้อแล้ว รัฐบาลอินโดนีเซียยังได้มอบหมายให้บริษัทของภาครัฐหลายแห่ง นำเข้าหัวหอมกว่า2,500ตัน อีกด้วย เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาการเก็บเกี่ยวผลผลิตทำให้ยอดการผลิต และจัดส่งหัวหอมท้องถิ่นลดปริมาณลงจนขาดตลาด
ขณะที่สินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ อย่างเช่น พริก ข้าวโพด และข้าว ปัจจุบันยังพอบริหารจัดการได้ โดยเฉพาะข้าวรัฐบาลมีสต็อกไว้เพียงพอป้อนความต้องการของตลาด แม้ว่าราคาข้าวช่วงนี้อาจดูราคาตกลงบ้างก็ตาม.