อินโดแก้กฎหมายเอื้อต่างชาติ
อินโดนีเซียได้ออกกฎข้อบังคับใหม่ ที่เปิดทางให้หลายภาคส่วนธุรกิจมีเจ้าของกิจการเป็นนักลงทุนชาวต่างชาติได้
โดย ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด อธิบายว่ามาตรการนี้เป็นปราฏการณ์ที่เปิดเสรีในการดำเนินการกับระบบเศรษฐกิจของประเทศครั้งสำคัญที่สุด
ประธานาธิบดีวิโดโด ได้ใช้อำนาจเต็มพิกัดของประธานาธิบดีครั้งใหม่นี้ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่คณะทำงานของเขาเพิ่งจะเผยแพร่ข้อมูลออกมาในวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีการปรับแก้กฎระเบียบที่เข้มงวดในหลายประเภทธุรกิจ เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว บริษัทขนส่ง และโรงภาพยนตร์
มีการปรับข้อกฎหมายในการเป็นเจ้าของธุรกิจในประเภทค้าปลีกและบริการท่าเรือให้ง่ายขึ้นและเข้มงวดน้อยลง แต่กฎหมายใหม่นี้จะมีการควบคุมธุรกิจโทรคมนาคมและ อี-คอมเมิร์ซ ให้เคร่งครัดมากขึ้น
การเปิดเสรีทางการลงทุนเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ของ ประธานาธิบดีวิโดโด ที่มุ่งจะขยายภาคส่วนการผลิตและการท่องเที่ยวให้เติบโตขึ้นในประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เพื่อลดภาวะหยุดชะงักในธุรกิจการส่งออกโภคภัณฑ์
กฎข้อบังคับใหม่นี้ยังช่วยเพิ่มสัดส่วนการจัดการสินค้าทางทะเลให้กับนักลงทุนต่างชาติ ในภาคส่วนธุรกิจท่าเรือการขนส่งสินค้าทางอากาศหลายประเภทและธุรกิจโทรคมนาคมรวมถึงการวางระบบอินเทอร์เน็ตให้ได้ถึง 67% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีเพียง 49%
นอกจากนี้ ยังมีการประกาศให้นักลงทุนต่างขาติสามารถถือหุ้นได้ถึง 67% ในธุรกิจห้างสรรพสินค้าที่ให้บริการ ในขนาดพื้นที่ 400 – 2,000 ตารางเมตรซึ่งแต่ก่อนกฎระเบียบนี้มีผลบังคับใช้กับห้างสรรพสินค้าที่เปิดให้บริการ ในพื้นที่่มากกว่า 2,000 ตารางเมตรขึ้นไปเท่านั้น
จากประกาศข้อกฎหมายใหม่ในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ธุรกิจร้านอาหาร การสร้างภาพยนตร์ ธุรกิจห้องเย็น การจัดการขยะและวัตถุดิบในการผลิตยาเป็นธุรกิจที่เปิดเสรีให้นักลงทุนต่างชาติ สามารถเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการได้เต็มรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม กฎหมายใหม่นี้ระบุให้นักลงทุนต่างชาติสามารถถือครองหุ้นได้ในสัดส่วน 49% ในธุรกิจ อี-คอมเมิร์ซ ขนาดเล็ก นับเป็นการกลับลำของรัฐบาลที่ก่อนหน้านี้เคยประกาศว่า จะเปิดเสรีให้กับนักลงทุนต่างชาติให้ถือหุ้นได้ 100% ในธุรกิจประเภทนี้ นอกจากนี้ยังมีการสั่งห้ามไม่ให้นักลงทุนต่างชาติเป็นเจ้าของกิจการให้บริการทางโทรคมนาคมและการจัดการ
นายลิน นิวแมนน์ กรรมการผู้จัดการของหอการค้าอเมริกันในอินโดนีเซียกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีอาจจะมากกว่า 10 ปีด้วยซ้ำที่อินโดนีเซีย มีความก้าวหน้าในการเปิดเสรีทางการลงทุนมากกว่าที่จะปิดตัวเหมือน
ที่ผ่านมา โดยเขาเสริมว่า บริษัทอเมริกันหลายแห่งแสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในธุรกิจที่รัฐบาลเปิดกว้างในการลงทุนให้แต่นายนิวแมนน์มองว่า อาจต้องใช้เวลาบ้างก่อนที่อินโดนีเซียจะเห็นเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามา เขาสรุปว่า “มาดูกันว่าเงินลงทุนจะเข้ามาง่ายแค่ไหน หวังว่ารัฐบาลจะรับมือกับเรื่องนี้ได้ดี”