ชาวฟิลิปปินส์ไม่พอใจรัฐแก้ไขภัยแล้ง

เกิดเหตุตำรวจปะทะกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งในฟิลิปปินส์ ในหลายพื้นที่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา สำนักข่าวเอพี รายงานว่า ได้เกิดเหตุตำรวจปะทะกับกลุ่มผู้ประท้วงที่เป็นชาวนาและกลุ่มผู้สนับสนุนที่ชุมนุมปิดทางด่วนในเมืองคิดาปาวัน จังหวัดโคตาบาโต ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ซึ่งพากันชุมนุมต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันแล้วเพื่อเรียกร้องรัฐบาลให้การช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์จากภาวะภัยแล้งไม่ว่าการช่วยเหลือทางการเงินและข้าว โดยเหตุปะทะรุนแรงทำให้กลุ่มผู้ประท้วงเสียชีวิตอย่างน้อย 2 คน และยังมีผู้บาดเจ็บอีกหลายสิบคนรวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างน้อย 23 คน
นายเอ็มมีโล เมนโดซา ผู้ว่าการจังหวัดโคตาบาโต กล่าวว่าเหตุปะทะรุนแรงได้เกิดขึ้นเมื่อตำรวจเคลื่อนพลเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มชาวนาและผู้สนับสนุนอื่นๆประมาณ 6,000 คน จากนั้นได้เกิดเสียงปืนดังขึ้นตามมา ซึ่งในจำนวนเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บนั้นมี 2 คนที่อาการสาหัสจากอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ
ด้านกลุ่มผู้ประท้วงที่ต้องการให้ทางการช่วยเหลือหลังจากเผชิญภัยแล้งมานับเดือนแล้ว เปิดเผยว่าตำรวจเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วงก่อน แต่ฝ่ายตำรวจกลับระบุว่าผู้ประท้วงบางคนมีอาวุธติดตัวและได้ยิงเข้าใส่ตำรวจก่อน อย่างไรก็ดี ฝ่ายตำรวจกำลังสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานหาฝ่ายผิดต่อไป
ทั้งนี้ ก่อนมีการปะทะรุนแรงจนเกิดสูญเสียชีวิตและมีผู้บาดเจ็บดังกล่าว ฝ่ายตำรวจได้ยื่นคำขาดให้กลุ่มผู้ประท้วงสลายการชุมนุม แต่เมื่อการเจรจาต่อรองเกิดล้มเหลว ตำรวจจึงเริ่มเข้าผลักดันกลุ่มผู้ประท้วงให้เคลื่อนย้ายออกไปโดยใช้โล่ห์ประจำตัวของตำรวจ แต่ถูกกลุ่มผู้ประท้วงตอบโต้คืนด้วยการขว้างปาหินเข้าใส่และขณะเดียวกันนี้ กลุ่มผู้ประท้วงได้ถูกหน่วยดับเพลิงจะฉีดพ่นน้ำแรงดันสูงเข้าใส่อีกทางด้วย
ส่วนกลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายจาก พรรคยูธ พาร์ตี้ ออกมาประณามการใช้กำลังของตำรวจ ระบุว่ากลุ่มชาวนาเรียกร้องให้ช่วยเหลือเป็นเงินและข้าว แต่กลับถูกพรมด้วยลูกกระสุนแทน
ข่าวการชุมนุมของชาวนาในฟิลิปปินส์ครั้งนี้ เกิดขึ้นขณะหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียนกำลังเผชิญภาวะภัยแล้งที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 20 ปีหรือนานกว่านี้ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงที่ระดับน้ำลดลงอย่างมากอย่าง สปป.ลาว ไทย กัมพูชาและเวียดนาม.