เวียดนามได้ดุลการค้าตั้งแต่ต้นปี

เวียดนามได้ดุลการค้าสูงถึง 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 31,500 ล้านบาทในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ จากการนำเข้าที่ลดลง และการส่งออกที่เพิ่มขึ้นเป็นปกติ
สำนักงานสถิติแห่งชาติ รายงานว่า ใน 2 เดือนแรกของปีนี้ ยอดการนำเข้าโดยรวมลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 6.6% มีมูลค่าถึง 22,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 798,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดส่งออกโดยรวมเพิ่มขึ้น 2.9% มีมูลค่าถึง 23,700 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 829,500 ล้านบาท
ทั้งนี้การนำเข้าสินค้าของเวียดนามลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว โดยเฉพาะจากจีน ซึ่งเป็นตลาดนำเข้าที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยยอดการนำเข้าใน 2 เดือนแรกของปีนี้ลดลงถึง 5.6% มีมูลค่าอยู่ที่ 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 245,000 ล้านบาท ทำให้ยอดการขาดดุลการค้าของเวียดนามที่มีกับจีนลดลงถึง 9.6%
นอกจากนี้มูลค่าการนำเข้าสินค้าของเวียดนามจากสหภาพยุโรปลดลง 26.6% มีมูลค่าที่ 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 45,500 ล้านบาท การนำเข้าจากญี่ปุ่นลดลง 9.5% มาอยู่ที่ 1,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 66,500 ล้านบาท ยอดการนำเข้าจากอาเซียนลดลง 7.6% มาอยู่ที่ 3,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 112,000 ล้านบาท จากเกาหลีใต้ลดลง 4.8% มีมูลค่าอยู่ที่ 3,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 136,500 ล้านบาท และสุดท้ายคือยอดนำเข้าสหรัฐฯ ที่ลดลง 4.2% มีมูลค่าอยู่ที่ 1,000 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 35,000 ล้านบาท
ภาคส่วนเศรษฐกิจที่เป็นการลงทุนจากต่างประเทศก็ลดการนำเข้าในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ลงถึง 7.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว มีมูลค่าถึง 13,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 476,000 ล้านบาท ขณะที่การนำเข้าในภาคส่วนเศรษฐกิจภายในประเทศก็ลดลง 4.8% มาอยู่ที่ 9,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 322,000 ล้านบาท
ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ มีการนำเข้าเครื่องจักร อุปกรณ์ และชิ้นส่วนเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตมีมูลค่าสูงถึง 3,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 133,000 ล้านบาท ลดลงมาถึง 13.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันนี้ในปีที่แล้ว
ทั้งนี้มูลค่าการนำเข้าเชื้อเพลิง และผลิตภัณฑ์น้ำมันลดฮวบลงถึง 34.8% มาอยู่ที่ 530 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 18,500 ล้านบาท จากราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำลงทั่วโลก ถึงแม้ว่าปริมาณการนำเข้าเชื้อเพลิง และผลิตภัณฑ์น้ำมันจะเพิ่มขึ้นถึง 12.2% มาอยู่ที่ 1.7 ล้านตันก็ตาม
สำนักงานสถิติของเวียดนาม รายงานเพิ่มเติมว่า มูลค่าการส่งออกทั้งในส่วนของผู้ประกอบการในประเทศลดลง 2.3% มาอยู่ที่ 16,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 581,000 ล้านบาท และผู้ประกอบการจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 7.1% มาอยู่ที่ 7,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 248,500 ล้านบาท
ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานสถิติแห่งชาติให้ความเห็นว่า มูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นมาจากสัญญาการส่งออกกับบริษัทคู่ค้าเดิมๆ การส่งออกสินค้าสำคัญส่วนใหญ่ล้วนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 2 เดือนแรกของปีที่แล้ว รวมทั้งโทรศัพท์ เสื้อผ้า รองเท้า ไม้ และผลิตภัณฑ์จากไม้ อาหารทะเล ข้าว และผักต่างๆ
อย่างไรก็ตามมูลค่าการส่งออกน้ำมันดิบทรุดฮวบลงถึง 63% มาอยู่ที่ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 8,750 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 2 เดือนแรกของปีที่แล้ว นอกจากนี้สินค้าอื่นที่มีมูลค่าการส่งออกลดลงคือ มันสำปะหลัง และพริกไทย