เศรษฐกิจเมียนมาโตเร็วถ้าการเมืองนิ่ง

ในรายงานล่าสุดของธนาคารโลกเปิดเผยว่า เศรษฐกิจเมียนมามีศักยภาพที่จะขยายตัวได้สูงถึง 8% ต่อปีใน 5 ปีข้างหน้า ถ้ารัฐบาลใหม่ลงตัวและพร้อมในการทำงาน
รายงานที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 23 ก.พ.มีชื่อเรียกว่า “เริ่มต้นกำหนดนโยบายเพื่อแบ่งปันความมั่งคั่งในเมียนมา” เพื่อเป็นการพัฒนาโอกาสและปฏิรูปทางเลือกสำหรับเมียนมาในอนาคตข้างหน้า ภายใต้อำนาจการบริหารประเทศของรัฐบาลใหม่
นายอัลริช ซาโช ประธานภูมิภาคอาเซียน ของธนาคารโลก ให้ความเห็นว่า “เมียนมาได้เดินทางมาถึงช่วงเวลาสำคัญทางประวัติศาสตร์ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและเศรษฐกิจ โอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมียนมาคือการปรับเปลี่ยนในการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เพื่อให้ประชาชนในเมียนมามีชีวิตที่ดีขึ้น”
นายซาโช แจกแจงรายละเอียดของ 3 ทิศทางนโยบาย ที่จะกลายเป็นกุญแจสำคัญที่จะแพร่การขยายตัวให้กว้างขวางมากขึ้น คือ เศรษฐกิจที่เปิดกว้างและหลากหลายมากขึ้น ในระดับภาคเอกชน และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเพื่อให้ได้ผลผลิตและแรงงานมากขึ้น โครงการระดับชาติ เช่น การศึกษาพื้นฐานที่เป็นสากลมากขึ้น สุขภาพและบริการที่ได้คุณภาพ และความโปร่งใสและความรับผิดชอบในภาครัฐ
ผู้ประกอบการระดับท้องถิ่นในเมียนมาบางคนมองในแง่บวกว่ารัฐบาลใหม่ที่นำโดยพรรคเอ็นแอลดีจะสามารถสร้างความเจริญให้กับประเทศและดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติ
นายอับดุลเลย์ เซ็ค ผู้อำนวยการประจำเมียนมาของธนาคารโลก กล่าวว่า “เมียนมามีศักยภาพที่จะเดินรอยตามการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆในเอเชีย ที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว” นอกจากนี้เขายังกล่าวว่า
“เมียนมาต้องเผชิญกับความท้าทายในการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง เรื่องความไม่เท่าเทียมกันในทางภูมิศาสตร์ ชาติพันธุ์ และรายได้ของกลุ่มคนในประเทศ โดยธนาคารโลกจะให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องกับประชาชนในเมียนมา เพื่อเอาชนะความท้าทายเหล่านี้”
อย่างไรก็ตาม นายชิต ไคน์ ประธานกลุ่มบริษัทอีเดน กลับเห็นต่างในเรื่องนี้ โดยเขากล่าวว่า เขาเห็นด้วยกับการคาดการณ์ของธนาคารโลก ในเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจของเมียนมา แต่เขามีความกังวลว่ารัฐบาลใหม่จะดำเนินการอย่างไรกับความเสียหายที่รัฐบาลของประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ทิ้งไว้ให้กับประเทศ
นายชิต ไคน์ กล่าวว่า “ผมเป็นห่วงการจัดการทางการคลังของรัฐบาลที่แล้ว และผมกังวลเรื่องสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงทั่วโลกอาจสร้างความเสียหายให้กับภาคเกษตรกรรมของเมียนมา” เขาสรุปว่า “ผมว่าเศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัวได้เร็วอย่างที่ธนาคารโลกคาดการณ์ไว้ แต่รัฐบาลใหม่ต้องบริหารจัดการทุกอย่างให้ดีขึ้นกว่านี้”