ทุนต่างชาติเข้าเมียนมาสะดุด

ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจของเมียนมา คาดการณ์ว่า เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ควรจะไหลเข้าเมียนมาจะทรุดฮวบลงในปีนี้ เนื่องจากเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและการปกครองของประเทศ
นายออง นาย อู เลขาธิการของคณะกรรมการการลงทุนของเมียนมา ให้ความเห็นว่า นักลงทุนรายสำคัญจำนวนมากของเมียนมากำลังให้ความสนใจประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียนมากกว่า โดยเฉพาะสิงคโปร์
เขากล่าวว่า “นักลงทุนจำนวนมากไปปักหลักที่สิงคโปร์ เพราะหลายบริษัทมีหลายสาขาที่นั่น นี่เป็นเหตุผลที่นักลงทุนจากสหรัฐอเมริกาหรือสหภาพยุโรปติดต่อเมียนมาโดยผ่านทางสิงคโปร์”
อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญยิ่งกว่านั้นคือ การเปลี่ยนผ่านอำนาจในการปกครองที่ยืดเยื้อ หลังจากพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ชนะการเลือกตั้ง กลายเป็นพรรคที่ได้รับเสียงข้างมากในปลายปีที่แล้ว
นอกจากนี้ นายเอ ลวิน เลขาธิการร่วมของสหภาพสมาพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมเมียนมา กล่าวว่า ถึงแม้เมียนมาจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และกลายเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยมากขึ้น นักลงทุนก็ยังไม่มั่นใจและขอรอดูสถานการณ์ก่อน
นายเอ ลวิน กล่าวว่า “ถ้าผู้นำประเทศคนใหม่ไม่ปฏิบัติตามกฎ นักลงทุนก็จะไม่เข้ามา ช่วงเวลานี้ ก็เลยเป็นระยะเวลาของการรอดูเหตุการณ์ของนักลงทุน ว่าจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป”
เขากล่าวเสริมว่า รัฐบาลใหม่จะต้องบริหารงานด้วยความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น ในเรื่องกฎกติกาและข้อบังคับต่างๆเพื่อดึงดูดนักลงทุนและผู้ประกอบการภายในประเทศ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องพัฒนากลยุทธ์เพื่อให้ความร่วมมือกับนักลงทุนต่างชาติ
นายเอ ลวิน กล่าวว่า “ถึงอย่างไร ตัวเลขการลงทุนจากต่างประเทศก็ยังเป็นแค่ตัวเลขที่ภาครัฐประเมินไว้เท่านั้น ยังไม่ได้มีเงินลงทุนจริงๆเข้ามาในเมียนมาในช่วงเวลานี้เลย เราเองคงได้แต่คอยและรอดูต่อไป”
จากข้อมูลของคณะกรรมการการลงทุนแห่งเมียนมา ชี้ให้เห็นว่าในปัจจุบัน เงินลงทุนจากต่างประเทศได้กระจายไปในธุรกิจหลายภาคส่วนของเมียนมา โดยมีสัดส่วนดังนี้ พลังงาน 33% ภาคอุตสาหกรรมการผลิต 22% เชื้อเพลิงน้ำมันและก๊าซ 20% โทรคมนาคมและการสื่อสาร 11% สุดท้ายคือ ภาคโรงแรมและการท่องเที่ยว 5%
โดยในปีงบประมาณ 2558 มูลค่าเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เข้ามาในเมียนมาสูงถึง 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 280,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากมูลค่าเดิมในปี 2557
มีการเปิดเผยตัวเลขที่เป็นทางการว่า ประเทศที่เข้ามาลงทุนในเมียนมามากที่สุดคือ ประเทศสิงคโปร์ ด้วยมูลค่าการลงทุนที่สูงถึง 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 105,000 ล้านบาท
โดยจีนตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยมูลค่าการลงทุน 670 ล้านดอลลาร์สหรัฯ ฐหรือ 23,450 ล้านบาท