ส่งออกกัมพูชาโต 17%

กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าทั้งหมดของกัมพูชาเพิ่มขึ้นเกือบ 17% ไปอยู่ที่ 8,030 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 281,050 ล้านบาทในปี 2558
ในขณะที่การส่งออกสิ่งทอชะลอตัวลง โดยมีตัวเลขการขยายตัวอยู่ที่ 7% เท่านั้น ถึงแม้สิ่งทอจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของภาคส่งออกก็ตาม คือมีสัดส่วนถึง 3 ใน 4 ของมูลค่าการส่งออกของกัมพูชาทั้งหมด นอกจากนี้รายได้จากการส่งออกรองเท้า และข้าวก็มีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ 22% และ 43% ตามลำดับ
โดยสหภาพยุโรปยังคงเป็นลูกค้ารายสำคัญที่สุดในภาคส่งออกของกัมพูชา คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 40% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดในปีที่แล้ว รองลงมาคือสหรัฐอเมริกา แคนาดา และญี่ปุ่น การส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลง เนื่องจากปริมาณการส่งออกข้าวสะดุดลดฮวบลงเกือบ 60%
นายสเรย จันธี นักวิชาการอิสระ ให้ความเห็นว่า เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าส่งผลให้ภาคส่งออกของกัมพูชาสามารถแข่งขันได้น้อยลง เขากล่าวว่า
“เศรษฐกิจกัมพูชาผูกติดกับเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ก็กระทบการส่งออกของกัมพูชา ในขณะที่เงินบาทของไทยถูกกว่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เงิน 1 ดอลลาร์จึงซื้อข้าวไทยได้มากกว่า”
ถึงแม้สิ่งทอจะมีมูลค่าคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 70% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดในปีที่แล้ว นายเคน ลู เลขานุการทั่วไปของสมาคมผู้ประกอบการสิ่งทอแห่งกัมพูชา เน้นว่า ตัวเลขการขยายตัวต่ำกว่า 10% ในปีที่แล้ว
นายลู กล่าวว่า “เพราะอุตสาหกรรมสิ่งทอได้รับผลกระทบจากการประท้วงของแรงงาน และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เราควรต้องหยุดการประท้วงที่ผิดกฎหมายนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีก ค่าแรงก็ควรจะปรับขึ้นไม่มาก หรือควรปรับตามปริมาณการผลิต” เขากล่าวเสริมว่า “มันจะช่วยได้มากกว่านี้ ถ้ากฎหมายของสหภาพมีการบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ถึงแม้จะเป็นหนึ่งในกลไกที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม และนำรายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาล แต่แรงงานภาคสิ่งทอกลับมีคุณภาพชีวิตที่ไม่ปลอดภัยนักโดยรัฐบาลเปิดเผยข้อมูลเมื่อวันที่ 4 ก.พ. ว่า แรงงานในภาคสิ่งทอได้รับอุบัติเหตุจากการจราจรถึง 4,300 กรณี จากการเดินทางไปทำงานที่โรงงาน ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 60 รายในปีที่แล้ว
ในรายงานกล่าวถึงสภาพยานพาหนะที่แรงงานโดยสารไปทำงานว่า มีสภาพเก่าเกินไป บรรทุกคนจนแน่นเกินกฎหมายกำหนด และไม่มีการบำรุงรักษาใดๆ โดยรถโดยสารของแรงงานส่วนใหญ่ เป็นเพียงรถบรรทุกที่ใช้ในการขนส่งสินค้าเท่านั้น
นายเมือน โทลา ผู้อำนวยการบริหารศูนย์ ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นความร่วมมือของสหภาพแรงงาน และองค์กรสิทธิมนุษยชน ให้ความเห็นว่า“ผมเห็นว่าเป็นความล้มเหลวของรัฐบาล เป็นเรื่องธรรมดาที่แรงงานที่มีเงินน้อย ก็ต้องใช้บริการหรือสินค้าที่ราคาถูกกว่า”
เขากล่าวว่า รัฐบาลควรพิจารณาจัดหาระบบขนส่งสาธารณะที่ดีกว่านี้ให้กับแรงงานภาคสิ่งทอของกัมพูชา ซึ่งมีจำนวนมากถึง 700,000 คนในปัจจุบัน