เมียนมาเร่งกำจัดรถพวงมาลัยขวา
ตั้งแต่ปี 2559 เข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเป็นทางการ ราคารถยนต์ในเมียนมาจะพุ่งสูงขึ้นมากกว่า 1 เท่าตัว ตามนโยบายใหม่ของรัฐบาลเร่งลดจำนวนรถยนต์ขับพวงมาลัยด้านขวา เพราะการจราจรในเมียนมาเหมาะสำหรับรถยนต์ขับพวงมาลัยด้านซ้ายมากกว่า แต่ราคารถยนต์พวงมาลัยด้านซ้ายสูงกว่ารถยนต์พวงมาลัยด้านขวามาก
เมื่อ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา กรมการขนส่งทางบกเมียนมา (Road Transport Administration Department – RTAD) ออกข้อบังคับการนำเข้ารถยนต์ฉบับใหม่สำหรับ ปี 2559 หรือ ค.ศ.2016 ให้นำเข้ารถยนต์เฉพาะยานพาหนะพวงมาลัยขวาเท่านั้น ข้อบังคับนี้ครอบคลุมถึงผู้นำเข้ายานพาหนะภาคเอกชน และภาคราชการเกือบทั้งหมด
เนื้อหาของระเบียบใหม่ ระบุให้ผู้ประกอบการซื้อขายแลกเปลี่ยนรถยนต์ภาคเอกชน สามารถนำเข้ารถยนต์ส่วนบุคคล รถบรรทุก และรถโดยสารที่ผลิตระหว่างปี 2549-2556 ได้ภายใต้ “โครงการรถยนต์รุ่นเก่า”
ส่วนรถยนต์นำเข้านอกเหนือจาก “โครงการรถยนต์รุ่นเก่า” ต้องเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ผลิตหลังจากปี 2557 หรือ 2014 เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้นำเข้าภาคเอกชน บริษัทนำเข้ารถยนต์ นักการทูต กะลาสีเรือหรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหม สถานประกอบการท่องเที่ยวและโรงแรม รวมถึงแท็กซี่ รถดับเพลิง รถพยาบาล รถสำหรับคณะสงฆ์ และรถบรรทุกศพ ต้องเป็นรุ่นใหม่ขับพวงมาลัยด้านซ้ายทั้งหมด
มาตรการดังกล่าวถือเป็นการยืนยันตามข่าวลือนานแล้วก่อนหน้านี้ ระบุรัฐบาลเมียนมากำลังเร่งนำเข้ารถยนต์รุ่นใหม่ขับพวงมาลัยด้านซ้าย เนื่องจากเหมาะสมกับการจราจรในประเทศมากกว่า เพราะเมียนมาบังคับยวดยานจราจรต้องขับชิดขอบทางด้านขวา
ทั้งนี้ผู้นำเข้ารถบรรทุกตั้งแต่ 1 ตันขึ้นไป รถโดยสารขนาดเล็ก รถโดยสารในเมือง และรถโดยสารแบบเร่งด่วน ยานพาหนะส่วนบุคคล บริษัทนำเข้า-ส่งออกรถยนต์ กะลาสีเรือ หน่วยงานการทูต เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมกระทรวงการท่องเที่ยว และการโรงแรม ต้องนำเข้าเฉพาะยานยนต์พวงมาลัยด้านซ้ายเท่านั้น
นายอู โซว ตุน (U Soe Htun) ประธานสมาคมผู้ผลิต และจัดจำหน่ายยานยนต์ในประเทศเมียนมา ให้สัมภาษณ์ระบุ มาตรการจำกัดการนำเข้าเฉพาะรถยนต์พวงมาลัยด้านซ้าย จะส่งผลให้ยอดการนำเข้ารถยนต์ลดลงมาก เพราะรถยนต์ขับพวงมาลัยด้านซ้ายราคาสูงกว่ารถยนต์ขับพวงมาลัยด้านขวามาก
นายอู โซว ตุน กล่าวอีกว่า ผลจากมาตรการนี้จะทำให้เกิดการฉวยโอกาสด้านราคา เช่นเรื่องค่าธรรมเนียมต่างๆ เพื่อดำเนินการด้านเอกสาร ขออนุญาตค้าขายรถยนต์เก่ากันมากขึ้น เพราะผู้บริโภคที่ต้องการรถบรรทุกพวงมาลัยขวาจากญี่ปุ่น และต้องหันมาใช้รถบรรทุกพวงมาลัยซ้ายนำเข้าจากจีน และเกาหลีอาจไม่ชอบใจ เพราะดูเหมือนรัฐบาลไม่ต้องการให้นำเข้ารถยนต์พวงมาลัยขวาอีกต่อไป
ตัวอย่างราคารถบรรทุกยี่ห้อ ซูซูกิ ซึ่งนิยมใช้ขนส่งสินค้าในเมียนมา เคยอยู่ที่ 7 ล้านจ๊าด หรือเกือบ 200,000 บาท จะขยับขึ้นเป็นสองเท่า อยู่ที่ 15 ล้านจ๊าด หรือกว่า 400,000 บาท
นักวิเคราะห์ธุรกิจรถยนต์ในเมียนมา เชื่อว่ารถยนต์นำเข้าราว 60,000 คัน อยู่ระหว่างรอการปรับราคาขายเก็งกำไร