เศรษฐกิจเวียดนามโตเร็วสุดในรอบ 5 ปี
ทางการรายงานว่าเศรษฐกิจเวียดนามโต 6.68% ในปี 2558 นับว่าเติบโตเร็วที่สุดในรอบ 5 ปี จากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและเงินลงทุนจากต่างประเทศโดยตรง (FDI) ที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
เมื่อต้นเดือน ธ.ค.นายเหงียน เติ๊น สุง นายกรัฐมนตรีของเวียดนาม คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจประจำปีนี้จะสูงถึง 6.55% สูงกว่าที่รัฐบาลประกาศตั้งเป้าไว้เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.คือ 6.2%
สำนักงานสถิติของเวียดนาม รายงานว่า ในไตรมาส 4 ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) พุ่งสูงถึง 7.01% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และเมื่อดูตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจาก 6.87% ในไตรมาสเดือนก.ค. – ก.ย.ที่ผ่านมา จึงนับได้ว่าไตรมาสสุดท้ายเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2558 นี้
ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามปรับเพิ่มสูงขึ้นทุกปีตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา เวียดนามทำการปฏิรูปเศรษฐกิจ หลังจากเกิดวิกฤติฟองสบู่แตกในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และมีหนี้เสียที่สูงถึง 17.5% ของมูลค่าที่กู้ยืมมาทั้งหมด
ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติของเวียดนาม ให้สัมภาษณ์สื่อว่า อัตราการเติบโตของปี 2558 นับเป็นความสำเร็จในรอบ 5 ปี ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เกิดจากความพยายามเพียงแค่ปีเดียว
สำนักงานสถิติรายงานว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจนี้เกิดจากตัวเลขการเติบโตที่สูงถึง 9.4% ในอุตสาหกรรมการผลิตและอัตราการขยายตัว 10.8% ของอุตสาหกรรมนี้
เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีการเปิดเผยข้อมูลว่า ตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในปีนี้คือ 14,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 507,500 ล้านบาท (35 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ) เพิ่มสูงถึง 17.4% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว
สำหรับจุดอ่อนของปี 2558 คือการส่งออกที่พลาดเป้าจากที่ตั้งไว้เดิมอยู่ที่ 10% สาเหตุมาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกที่ลดลง รวมถึงราคาน้ำมันและกาแฟ
โดยตัวเลขการส่งออกจากสำนักงานสถิติอยู่ที่ 8.1% มีมูลค่า 162,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 5,684,000 ล้านบาท ขณะที่ตัวเลขนำเข้าปรับเพิ่มขึ้น12% จากปีที่แล้วมีมูลค่าถึง 165,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 5,796,000 ล้านบาท จึงทำให้เศรษฐกิจเวียดนามมีการขาดดุลการค้าขึ้นเป็นปีแรกนับตั้งแต่ 2554 โดยมีตัวเลขขาดดุลอยู่ที่ 3,170 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 110,950 ล้านบาท
ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติให้ความเห็นว่า “เศรษฐกิจของเวียดนามต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก ดังนั้น รัฐบาลควรมุ่งกำหนดนโยบายที่เหมาะสมกับเวลาที่ใกล้เข้ามาถึงแล้ว” โดยเขาได้อ้างถึงการแข่งขันจากทั่วโลกที่เวียดนามต้องเผชิญในการส่งออก
เวียดนามเป็นประเทศที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดจากการเข้าร่วมเป็นสมาชิกประเทศหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ที่มีมูลค่าการค้าการลงทุนครอบคลุมถึง 40% ของจีดีพีทั่วโลก แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามอาจไม่มีเสถียรภาพเพียงพอ ถ้าธุรกิจภายในประเทศเติบโตตามไม่ทัน
ทั้งนี้ เวียดนามประสบความสำเร็จในการเจรจาทำข้อตกลงการค้าเสรีได้ถึง 12 ประเทศ รวมถึงกับสหภาพยุโรป เกาหลีใต้ และรัสเซีย รัฐบาลตั้งเป้าว่าเศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตถึง 6.7% ในปี 2559