เมียนมาปีหน้าอาจขาดดุลงบแสนล้านบาท
มีความเห็นจากนักวิเคราะห์เศรษฐกิจว่า รัฐบาลใหม่ของเมียนมาจะต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญในการยกเครื่องการใช้จ่ายภาคสาธารณะ เมื่อก้าวเข้ามาบริหารประเทศในเดือนมี.ค.ปีหน้า หลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้คาดการณ์ตัวเลขขาดดุลที่เพิ่มขึ้น
ในการประชุมสภาล่างของรัฐสภาเมียนมาเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ส.ส.ได้มีการพิจารณาผ่านร่างงบประมาณของปี 2559 -2560 ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 เม.ย.ปีหน้า เป็นจำนวนเงิน 16,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 563,500 ล้านบาท (35 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งรมว.กระทรวงการคลังเมียนมาเสนอมา โดยมีตัวเลขขาดดุลของปีงบประมาณนี้อยู่ที่ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 105,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมา 8% จากตัวเลขขาดดุล เดิมที่ 2,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 98,000 ล้านบาทของปีงบประมาณ 2558 -2559
ในปีก่อนหน้านี้ กฎหมายงบประมาณจะมีการอภิปรายกันในรัฐสภาในเดือนก.พ. แต่งบประมาณปี 2559-2560 ได้ถูกนำมาพิจารณาเร็วขึ้น เนื่องจากมีการเปลี่ยนผ่านอำนาจการบริหารประเทศไปให้รัฐบาลใหม่หลังจากพรรค NLD ชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยส.ส.ใหม่จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในเมืองเนปิดอว์ช่วงสิ้นเดือนม.ค.ปีหน้า
ทั้งนี้มีการเสนองบประมาณตามโครงสร้างปัจจุบันของระบบข้าราชการเมียนมาและได้รวมถึงกองทุนที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อการบริหารของเขต และของรัฐด้วย
โดยพรรค NLD ได้เคยให้คำมั่นที่จะลดจำนวน กระทรวงที่มีอยู่มากมายให้น้อยลง แต่จากการประชุมล่าสุดในเมืองเนปิดอว์ นางอองซาน ซูจี ผู้นำพรรคได้ประกาศว่า จะไม่มีการตัดตำแหน่งงานใดๆในส่วนรัฐบาลออก
นายเพียว มิน เต็ง ส.ส.จากพรรค NLD และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการส่วนพัฒนา และการคลัง กล่าวว่า “ทุกภาคส่วนต้องการเงินงบประมาณเพิ่มขึ้นทุกปี นับเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนา เศรษฐกิจของประเทศ หากรัฐบาลลดตัวเลขขาดดุลงบประมาณลง จะทำให้ประเทศเมียนมาต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่อันตราย นับเป็นความท้าทายครั้งสำคัญของรัฐบาลใหม่ เพราะตัวเลขเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นจาก 8% เป็น 11% รัฐบาลเดิมเคยแถลงว่าจะลดตัวเลขเงินเฟ้อให้เหลือเพียง 5% แต่ก็ยังเป็นไปไม่ได้ในปัจจุบัน”
ปัจจุบันจากรายงานของรมว.กระทรวงการคลัง มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเมียนมาอยู่ที่ 64,000 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 2,240,000 ล้านบาท คาดการณ์ว่าตัวเลขขาดดุลงบประมาณจะมีสัดส่วนเป็น 4.66% ของจีดีพี โดยจะมีงบประมาณชดเชยจำนวน 268 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 9,380 ล้านบาท ที่มาจากการช่วยเหลือโดยตรงขององค์กรนานาชาติสำหรับปีงบประมาณหน้า
นางเนียว เนียว ทิน ส.ส.อิสระจากสภาเขตย่างกุ้ง ให้ความเห็นว่า ความพยายามที่จะยับยั้งงบประมาณของรัฐบาลในระดับภูมิภาคล้มเหลว “รัฐบาลปัจจุบันไม่ได้ส่งต่อสิ่งที่ดีให้กับรัฐบาลใหม่ ทุกปีเราต้องสู้กันในสภาเพื่อแก้ปัญหาใน เรื่องการขาดดุลงบประมาณ แต่เราก็แพ้เสมอ เป็นเวลานานแล้วที่รัฐบาลไม่ได้แก้ปัญหานี้ จึงเป็นเรื่องท้าทายมากสำหรับรัฐบาลใหม่ที่จะทำให้สำเร็จ”
ในเดือนต.ค. ธนาคารโลกได้คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของเมียนมาว่าจะสูงถึง 8.5% ในปี 2557-2558 และลดลงมาเป็น 6.5% ในปีงบประมาณที่จะถึงนี้