อินเดียเปิดเกมรุกขยายลงทุนในกัมพูชา
อินเดียตั้งเป้าจะนำโอกาสในการพัฒนาใหม่ๆมาสู่กัมพูชาเพื่อเป็นการถ่วงดุลอำนาจของจีน ที่แผ่ขยายเข้ามาในอาเซียนก่อนหน้านี้
ภายใต้การบริหารประเทศของนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน อินเดียมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ทางการเมือง และเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านในตะวันออก จึงได้ยกระดับนโยบายต่างประเทศ “มองตะวันออก” ให้กลายเป็นกลยุทธ์ในการปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
นายปันกาจ จา หัวหน้านักวิจัยประจำสถาบันเพื่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของอินเดีย และผู้เขียนหนังสือ “อินเดีย และจีนในอาเซียน : การแข่งขันหรือความร่วมมือ” ให้ความเห็นว่า “อินเดียเข้าใจแล้วว่า ไม่อาจนั่งมองดูเฉยๆ ได้อีกแล้ว ต้องกระโจนเข้ามาร่วมวงด้วย มีเพียงสองอย่างเท่านั้นสำหรับอินเดียในการเข้ามาเกี่ยวข้องกับภูมิภาคนี้ นั่นคือเศรษฐกิจและการป้องกันประเทศ”
เขาให้ความเห็นต่อว่า “ประเทศกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) มีเศรษฐกิจต้นทุนต่ำ ดังนั้นจึงยังมีโอกาสอีกมากในการพัฒนาการผลิต และเชื่อมโยงกับอินเดีย อินเดียเองก็มีท่าทีกับกรณีพิพาททะเลจีนใต้ค่อนข้างดี เป็นผู้ไกล่เกลี่ยที่เป็นธรรมชาติ”
ทั้งนี้กัมพูชาวางกรอบให้สถานะของประเทศใกล้ชิดกับทั้งจีนและอินเดีย (ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพมหาศาล จากจำนวนประชากรที่มากถึง 40% ของประชากรทั่วโลก) จึงมีโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดี กัมพูชาเตรียมตั้งรับผลประโยชน์จากการลงทุน และการค้าใหม่ๆ และตลาดที่กว้างใหญ่ขึ้นสำหรับสินค้า และบริการ
นายซันดีพ มาจัมดาร์ รองประธานหอการค้าอินเดียในกัมพูชา ให้ความเห็นว่า “ด้วยนโยบายใหม่ของอินเดีย เราจะเห็นตัวแทนนักลงทุนจำนวนมากที่เดินทางเข้ามาในกัมพูชาเพื่อแสวงหาโอกาสในการลงทุน และการค้า แต่ตัวเลขของปีที่แล้วยังไม่น่าพอใจนัก เพราะมูลค่าการค้าระหว่างอินเดียกับกัมพูชาอยู่ที่ประมาณ 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 5,600 ล้านบาทเท่านั้น” เขายังกล่าวเสริมว่า
“ปัจจุบัน นักลงทุนมาจากหลายพื้นที่ในอินเดีย และต้องการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลาย รวมถึงสิ่งทอ พลังงานทดแทน โครงสร้างพื้นฐาน และเกษตรกรรม กัมพูชาเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ให้ชาวต่างชาติเป็นเจ้าของธุรกิจได้ 100% เต็ม ตั้งอยู่ใกล้อินเดีย และมีเสถียรภาพทางการเมือง การเปิดเออีซีในปีหน้า จะเป็นการเปิดตลาดการค้าที่มีประชากรมากถึง 600 ล้านคน นักธุรกิจอินเดียน่าจะสนใจในจุดนี้”
ถึงแม้จีนจะนำหน้าไปมากแล้วการประกอบธุรกิจในกัมพูชา แต่นายมาจัมดาร์ก็เชื่อว่า บริษัทของอินเดียมีความได้เปรียบบริษัทจากจีน ทั้งในเรื่องความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ และโอกาสในการฝึกอบรมทางด้านไอทีและวิชาชีพ
นายชัม สวนรี โฆษกกระทรวงต่างประเทศของกัมพูชา แถลงว่า ในส่วนของรัฐบาลกัมพูชา ถึงแม้จะให้ความสำคัญกับความ สัมพันธ์ที่แนบแน่นกับจีน เพราะความช่วยเหลือและการจัดหาแหล่งเงินทุนให้ แต่กัมพูชาก็ยังคงเปิดรับโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ในทุกรูปแบบ
“กัมพูชาต้องการกระชับความสัมพันธ์ และความร่วมมือ ทั้งกับจีน และอินเดีย เราต้อนรับนักลงทุนจากทั่วโลก และเราปรารถนาที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ให้มากขึ้นกับอินเดีย ในส่วนการค้า และการลงทุน”