อินโดนีเซียต้องการนักลงทุนจากบรูไน
อินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอาเซียนกำลังต้องการนักลงทุนจากบรูไนให้เข้ามาประกอบธุรกิจในอินโดนีเซีย
มีข้อมูลจากนาย Syauki Amin ผู้แทนจากหอการค้าและอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย (KADIN) ว่า นักลงทุนต่างชาติในอินโด นีเซียส่วนใหญ่มาจากประเทศสิงคโปร์มากที่สุด ตามมาด้วยเกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์
จากลักษณะทางภูมิศาสตร์ของบรูไนและอินโดนีเซียที่อยู่ใกล้กัน ทำให้มีความพยายามที่จะเชิญชวนนักลงทุนจากบรูไนให้เข้ามาในอินโดนีเซียให้มากขึ้น โดยนายSyauki ยังรั้งตำแหน่งรองประธานของคณะกรรมการสิงคโปร์/บรูไนของ KADIN ด้วย
เขาได้เน้นให้เห็นถึงหลายเหตุผลที่บรูไนควรมองอินโดนีเซียเป็นประเทศที่น่าลงทุนมากขึ้นในขณะนี้ โดยกล่าวว่า อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก จึงมีตลาดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่มาก โดย 53% ของประชากรอาศัยอยู่ในเขตเมืองและใช้ชีวิตแบบสมัยใหม่
เขาอธิบายว่า อินโดนีเซียยังมีจำนวนแรงงานวัยหนุ่มสาวที่เติบโตสูงขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการบริโภคยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมีศักยภาพ
จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการลงทุนของอินโดนีเซีย (BKMP) ซึ่งเป็นศูนย์กลางสำหรับการลงทุนในอินโดนีเซียแบบเบ็ดเสร็จในที่เดียว แสดงให้เห็นว่า 70% ของประชากรอินโดนีเซียกำลังก้าวเข้าสู่ชนชั้นที่มีรายได้ปานกลางในปี 2558
นอกจากทรัพยากรธรรมชาติที่มีอย่างอุดมสมบูรณ์แล้ว อินโดนีเซียยังมีโอกาสอีกมากมายรออยู่สำหรับนักลงทุนต่างชาติ เขากล่าวว่า
“มีธุรกิจถึง 5 ภาคส่วนที่มีศักยภาพสูง นั่นคือ เกษตรกรรม โครงสร้างพื้นฐาน การท่องเที่ยว อุตสาหกรรม และการประมง”
โดยเขาได้อธิบายถึงรายละเอียดของมาตรการส่งเสริมการลงทุนในอินโดนีเซียว่า หากนักลงทุนมีความพร้อมในการลงทุน ประมาณ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 350 ล้านบาท (35 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ) และตกลงที่จะจ้างแรงงานอินโดนีเซียประมาณ 1,000 คน ทาง BKPM จะบริหารจัดการด้านเอกสารทางกฎหมายทั้งหมดแบบเร่งด่วนให้กับนักลงทุนให้เสร็จสม บูรณ์ภายใน 3 ชั่วโมงเท่านั้น เขากล่าวว่า
“บริการด่วนนี้เพิ่งเปิดใช้ในเดือนธ.ค.นี้เอง และมีบริษัทมากกว่า 40 แห่งที่จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยบริการนี้ยังรวมถึงกฎระเบียบเกี่ยวกับที่ดินด้วย” โดยเขายังได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า หากไม่มีบริการพิเศษแบบเร่งด่วนนี้ อาจต้องใช้เวลาหลายอาทิตย์ หรือเกือบ 1 เดือนที่จะจัดการทุกอย่างให้เสร็จสมบูรณ์ นอกจากนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียยังได้ออกมาตรการทางภาษีที่เอื้อประโยชน์แก่นักลงทุนเพิ่มมากขึ้นอีก
โดยนาย Syauki กล่าวว่า “นี่รวมถึงการผลิตเพื่อส่งออกไปขายใหม่ด้วย หากคุณวางแผนที่จะส่งออกผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจากอินโดนีเซีย ทางรัฐบาลจะลดหย่อนภาษีให้คุณ ทั้งในเรื่องวัตถุดิบและเครื่องจักร”