เวียดนามเล็งปรับภาษีรถยนต์
เวียดนามเล็งเก็บภาษีรถเกิน 3,000 ซีซีเพิ่ม เหตุกินน้ำมัน-ก่อมลพิษทางอากาศ-เข้าข่ายฟุ่มเฟือย ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์เสนอรัฐปรับลดภาษีบริษัทนำเข้ารถยนต์ หวังช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์ในประเทศ พร้อมอ้างเหตุผลคนเวียดนามยังใช้รถยนต์ส่วนตัวน้อยกว่าไทย และอินโดนีเซียอีกมาก
เมื่อวันที่ 13 ต.ค. เว็บไซต์เวียดนามนิวส์ สื่อของเวียดนาม รายงานว่ากระทรวงการคลังแห่งเวียดนามเตรียมยื่นเรื่องเสนอต่อที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติให้พิจารณาเพิ่มอัตราการเก็บภาษีตั้งแต่ 60-150 เปอร์เซ็นต์ แก่ผู้ที่เป็นเจ้าของรถยนต์ที่มีความแรงตั้งแต่ 3,000-6,000 ซีซี แต่ขณะเดียวกันจะเสนอให้มีการพิจารณาลดภาษีแก่ผู้เป็นเจ้าของรถยนต์ที่มีความแรงไม่เกิน 2,000 ซีซี เฉลี่ยประมาณ 5-25 เปอร์เซ็นต์
นายฟาม ถิน ทิ อธิบดีกรมนโยบายจัดเก็บภาษี กระทรวงการคลังแห่งเวียดนาม ชี้แจงรายละเอียดการเสนอจัดเก็บภาษีเพิ่มแก่รถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ตั้งแต่ 3,000 ซีซีขึ้นไปว่า รถยนต์กลุ่มดังกล่าวมีราคาแพง และใช้พลังงานเชื้อเพลิงสิ้นเปลืองกว่ารถยนต์ที่มีเครื่องไม่เกิน 2,000 ซีซี แต่กลับพ่นไอเสียที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศมากกว่า และไม่เหมาะสมกับสภาพการจราจรและท้องถนนในเวียดนาม จึงจำเป็นต้องพิจารณาการจัดเก็บภาษีให้เหมาะสม ขณะที่การปรับลดภาษีรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ไม่เกิน 2,000 ซีซี จะช่วยกระตุ้นให้ชาวเวียดนามพิจารณาซื้อรถยนต์ส่วนบุคคลกันมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจรถยนต์ และอะไหล่รถยนต์ในประเทศ
ขณะที่นายโหงว สวี หลง นักเศรษฐศาสตร์ชาวเวียดนาม เผยข้อมูลเพิ่มเติมว่าสถิติชาวเวียดนามที่มีรถยนต์ส่วนตัวอยู่ที่ประมาณ 18 คนจากจำนวนประชากร 1,000 คน ส่วนชาวอินโดนีเซียที่มีรถยนต์ส่วนตัวอยู่ที่ประมาณ 80 คนจากจำนวนประชากร 1,000 คน ขณะที่คนไทยมีรถยนต์ส่วนตัวประมาณ 140 คนจากจำนวนประชากร 1,000 คน อีกทั้งการดำเนินการจดทะเบียน และจ่ายภาษีรถยนต์ส่วนบุคคลในเวียดนามยังมีความยุ่งยาก และเป็นภาระ ส่งผลให้คนเวียดนามไม่นิยมซื้อรถยนต์กันมากนัก
อย่างไรก็ตามเวียดนามกำลังจะปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นเงื่อนไขสืบเนื่องจากข้อตกลงการค้าอาเซียน (ATGA) และรัฐบาลเวียดนามยังต้องพิจารณาปรับลดภาษีนำเข้าจาก 12 ประเทศภาคีความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (TPP) ซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกา แคนาดา สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และชิลี ภายในปี 2559 เช่นกัน ขณะที่มาตรการปรับลดภาษีรถยนต์นำเข้าจากประเทศสหภาพยุโรป (EU) จะเริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในปี 2561 และทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดการแข่งขันทางธุรกิจรถยนต์ และอะไหล่รถยนต์เพิ่มขึ้น รัฐบาลเวียดนามจึงควรใช้โอกาสดังกล่าวกระตุ้นการพัฒนาตลาดภายในประเทศ และเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ด้วยเหตุนี้ นายโหงว จึงได้เสนอให้รัฐบาลเวียดนามปรับลดภาษีนำเข้า และภาษีบริโภคแก่ผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ เพื่อช่วยปรับลดราคาจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ และกระตุ้นให้ตลาดรถยนต์ในประเทศเติบโตขึ้น