ปัญหาควันไฟอิเหนาหนักสุดในรอบ 18 ปี กระทบเศรษฐกิจอื้อ
เมื่อ 2 ต.ค. องค์การอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (นาซ่า) เผยแพร่ประกาศเตือนของนายโรเบิร์ต ฟีลด์ นักวิทยาศาสตร์ประจำสถาบันอวกาศศึกษาก็อดดาร์ด สังกัดองค์การนาซ่า
ซึ่งระบุว่า สถานการณ์ควันไฟที่เกิดจากการเผาพื้นที่การเกษตร และป่าพรุบนเกาะสุมาตรา และเกาะกาลิมันตันของอินโดนีเซีย อาจส่งผลกระทบร้ายแรงที่สุดต่อสภาพแวดล้อมในภูมิภาคเมื่อเทียบกับสถิติที่รวบรวมไว้ได้ในรอบ 18 ปีที่ผ่านมา โดยอ้างอิงข้อมูลจากโครงการฐานข้อมูลการปล่อยควันไฟแห่งองค์การนาซ่า พบว่าการเผาพื้นที่การเกษตรและป่าพรุในอินโดนีเซียที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนส.ค.เป็นต้นมา เป็นต้นตอปล่อยควันไฟสู่ชั้นบรรยากาศประมาณ 600 ล้านตัน เทียบได้กับปริมาณควันไฟที่เยอรมนีปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศตลอดทั้งปี และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง และภาวะโลกร้อน
ทั้งนี้รัฐบาลอินโดนีเซียระดมกำลังหน่วยดับเพลิง และเจ้าหน้าที่อื่นๆ รวม 20,000 นาย เข้าควบคุมไม่ให้ไฟไหม้ลุกลาม รวมถึงทำฝนเทียมในหลายพื้นที่บนเกาะสุมาตรา และเกาะกาลิมันตัน แต่ยังไม่อาจสกัดไฟไหม้ได้ทุกจุด เนื่องจากปีนี้เกิดปรากฏการณ์เอลนินโญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้สภาพอากาศโดยรวมแห้งแล้ง ไม่มีน้ำฝนธรรมชาติมาช่วยบรรเทามลพิษทางอากาศ ส่งผลกระทบหนักต่อประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยค่ามลพิษในอากาศสูงขึ้นนับร้อยจุดจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และประชาชนนับหมื่นคนใน 3 ประเทศต้องเข้ารับการรักษาอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ รวมถึงส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากเที่ยวบินจำนวนมากถูกสั่งระงับ ทั้งยังมีคำสั่งปิดโรงเรียน และหน่วยงานภาครัฐ ทำให้เกิดภาวะชะงักงันในการดำเนินกิจการต่างๆ