สิงคโปร์กังวลสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน
นายกรัฐมนตรีลีเซียนลุงของสิงคโปร์ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบีบีซีว่า ความภักดีที่สิงคโปร์มีต่อสหรัฐฯ และจีนจะได้รับการพิสูจน์ให้เห็นในวันหนึ่ง
“ ถ้าสหรัฐฯ กับจีนมีความสัมพันธ์ที่ยุ่งยาก สถานะของสิงคโปร์ก็จะลำบากขึ้น เพราะเราไม่อาจเลือกที่จะเป็นเพื่อนกับสหรัฐฯ หรือจีนเพียงแค่ประเทศเดียวได้ นี่เป็นความกังวลที่แท้จริง เพราะตอนนี้เราเป็นเพื่อนกับทั้งสองประเทศ มันไม่ใช่ว่าเราไม่มีประเด็นนี้นะ แต่เราเป็นเพื่อนที่ดีกับทั้งสองประเทศ และความสัมพันธ์ที่ผ่านมาดำเนินไปได้ด้วยดี ”
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์กล่าวกับผู้สื่อข่าวบีบีซีว่า เขาแน่ใจว่าจีนจะยังคงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและยั่งยืนกับทางวอชิงตัน แต่เขากล่าวว่าเขาหวังว่าพวกเขาจะยังคงความเอาใจใส่กับสิ่งที่ทางรัฐบาลสหรัฐฯ สร้างความกังวลให้แพร่กระจายไปทั่วโลก
แพททริค โชวาเนค หัวหน้านักวางกลยุทธ์ที่ Silvercrest Asset Management ให้ความเห็นว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากที่ผู้นำสิงคโปร์จะพูดจาโผงผางเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
โดยเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว นายกรัฐมนตรีลีได้เคยเตือนว่า สิงคโปร์อาจจะอยู่ในจุดที่ลำบากมากๆ หากความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนทวีความตึงเครียดเพิ่มขึ้น
ความกลัวของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเพิ่มสูงขึ้นและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะทำตามสิ่งที่เขาเคยสัญญาไว้ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งเป็นประเทศที่เขาโทษว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้งานของชาวอเมริกันหายไป การส่งออกและการนำเข้าจะได้รับผลกระทบ โดยสิงคโปร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีธุรกรรมทางท่าเรือที่ยุ่งวุ่นวายที่สุดในโลก อาจต้องได้รับผลกระทบ เนื่องจากเศรษฐกิจที่พึ่งพาการค้ากับต่างประเทศเป็นหลัก
“ ที่เห็นได้ชัดเจนคือสิงคโปร์ได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐฯ ถอนตัวออกจาก TPP ” โชวาเนคกล่าว
ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายกรัฐมนตรีลีได้ให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ตัดสินใจที่จะถอนตัวจากข้อตกลง TPP จะเป็นการทำร้ายสหรัฐฯ และเครดิตของประเทศสหรัฐฯ เองในภูมิภาคนี้ อ้างอิงจากความเห็นของโชวาเนค
“ สิงคโปร์เป็นประเทศที่สำคัญกว่าที่เห็น มองครั้งแรก จะรู้สึกว่าเป็นประเทศเล็ก แต่กลับมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์กับสหรัฐฯ มาก เนื่องจากต้องพึ่งพาสิงคโปร์ในฐานะฐานซัพพลายในการปฏิบัติการของกองทัพเรือสหรัฐฯ ” เขากล่าว
“ หากถอนตัวจาก TPP รวมถึงความเคลื่อนไหวอื่นๆ จะเป็นสาเหตุให้สิงคโปร์และประเทศอื่นๆ ในเอเชียมองว่าสหรัฐฯ เป็นประเทศคู่ค้าที่เชื่อถือไม่ได้ ผลที่ออกมาค่อนข้างซีเรียสมาก”.