เตือนค้าปลีกออนไลน์เวียดนามเสียภาษี
เจ้าหน้าที่สรรพากรเวียดนามเตือนบรรดาผู้ค้าปลีกสินค้าบนเฟซบุ๊กและโซเชียลมีเดียอื่นๆ ให้เสียภาษีสำหรับการขายสินค้า ถึงแม้การบังคับใช้กฎหมายจะเป็นความท้าทายของเวียดนามที่ซึ่งการซื้อสินค้าด้วยเงินสดเป็นเรื่องปกติ
กรมสรรพากรกรุงฮานอยได้ติดต่อบัญชีผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก 13,400 รายที่เกี่ยวข้องกับโฆษณาหรือการขายสินค้าและบริการ โดยติดต่อโดยตรงไปที่เว็บไซต์เพื่อแจ้งข้อมูลให้ทราบถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยทางเวียดนามต้องการให้ผู้ค้าปลีกออนไลน์ต้องมีใบอนุญาต และจัดเก็บภาษีรายได้ 0.5% และภาษีมูลค่าเพิ่ม 1% ต่อการขายมูลค่ามากกว่า 100 ล้านด่อง (4,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ต่อปี
ขณะที่กรมสรรพากรนครโฮจิมินห์ได้เริ่มสำรวจธุรกิจการขายสินค้าบนเฟซบุ๊ก โดยทางเจ้าหน้าที่สรรพากรได้รับคำสั่งให้ตรวจสอบประมาณ 13,000 เว็บไซต์เพื่อเป็นการพิสูจน์ข้อมูลในการติดต่อผู้ประกอบการ
และหมายเลขผู้เสียภาษี ประมาณกว่า 80,000 ธุรกิจในเมืองนี้ใช้เฟซบุ๊กเป็นเครื่องมือในการดำเนินการ แต่มีอย่างน้อย 1 ล้านคนที่ซื้อหรือขายสินค้าผ่านเว็บไซต์โดยไม่ได้จ่ายภาษีจากการทำธุรกรรมเหล่านั้น
ทั้งนี้ เฟซบุ๊ก ซึ่งมีผู้ใช้งานประมาณ 35 ล้านในเวียดนาม เป็นเป้าหมายแรกสำหรับหน่วยงานในประเทศหลายแห่งที่จะต่อสู้กับการขยายฐานการจัดเก็บภาษี โดยการขายผ่านแพลตฟอร์มทั้งอินสตาแกรม ยูทูบ และซาโล ซึ่งเป็นโปรแกรมแชทของเวียดนามคงจะเป็นรายต่อไป
จนกว่าระบบจัดเก็บภาษีการขายเหล่านี้จะจัดตั้งขึ้นได้ ผู้ขายสินค้าต้องรายงานการทำธุรกรรมทั้งหมด แต่ระบบนี้คงต้องใช้เวลานานกว่าจะเป็นไปได้ การขายสินค้าโดยเฉพาะที่ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
เป็นเรื่องยากมากที่จะจัดการ เนื่องจากสินค้าถูกเปลี่ยนมือในตลาดขายสินค้าจริงและบ่อยครั้งที่มีการจ่ายเงินเป็นเงินสด หรือแม้แต่การส่งสินค้าไปยังผู้รับโดยระบบไปรษณีย์ หรือโดยบริษัทขนส่งเอกชน
โดย 1 ใน 4 ของจำนวนประชากรเวียดนามทั้งประเทศ หรือประมาณ 23 ล้านคนมีประสบการณ์ในการขาย หรือซื้อสินค้าผ่านทางโซเชียลมีเดีย อ้างอิงจากบริษัทวิจัย Nielsen โดยกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนามคาดการณ์ว่าสัดส่วนการซื้อขายออนไลน์จะเพิ่มขึ้นเป็น 30% ในปี 2563 และจะเห็นชาวเวียดนามใช้จ่ายเฉลี่ย 350 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีผ่านช่องทางเหล่านี้
คาดการณ์ว่าตลาดอี-คอมเมิร์ซโดยรวมของประเทศเวียดนามจะขยายตัวเติบโตจากเดิม 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2559 เป็น 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2563 ซึ่งสูงเป็น 5% ของการบริโภคโดยรวมทั้งหมด.
หมายเหตุ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ = 34.29 บาท / 10 ก.ค. 2560