อวดความสัมพันธ์ ‘เมียนมา – รัสเซีย’ เข้มแข็งไปด้วยกัน
กองทัพเมียนมาร์สวนสนามอวดแสนยานุภาพทางทหารอย่างยิ่งใหญ่เนื่องในวันกองทัพปีที่ 77 ท่ามกลางความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับรัสเซียในฐานะชาติแหล่งนำเข้าอาวุธรายใหญ่ที่สุดของประเทศ
กองทัพเมียนมาร์เฉลิมฉลองครบรอบ 77 ปี วันกองทัพ โดยมีการสวนสนามอย่างยิ่งใหญ่ในพื้นที่กรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงใหม่ อวดแสนยานุภาพทางทหารโดยพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย สวมเครื่องแบบทหารเต็มยศ ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศจากบนรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อเปิดประทุน
พิธีสวนสนามปีนี้จัดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์คุกรุ่นหลายเรื่อง ตั้งแต่การยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนโดยกองทัพเมื่อ 1 ก.พ.ปีที่แล้ว สถานการณ์กองทัพเมียนมาถูกสหประชาชาติและศาลโลกชี้ผิดข้อกล่าวหาก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา ทั้งอยู่ในช่วงเกิดศึกสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งเมียนมาคือชาติพันธมิตรแนบแน่นกับรัสเซีย ทั้งแสดงท่าทีถึงสถานการณ์รัสเซียบุกยูเครน คือ “การกระทำที่เหมาะสม”
วันกองทัพเมียนมาปีนี้ ผู้แทนจากรัสเซีย คือ นายอเล็กซาน โฟมิน รมช.กลาโหมรัสเซีย ร่วมพิธี พร้อมกับเหล่านักบินรัสเซียอีกหลายนาย เพื่อสาธิตการใช้เครื่องบินขับไล่และอุปกรณ์ทางทหารที่กองทัพเมียนมาจัดซื้อมากมายจากรัสเซียในฐานะชาติแหล่งนำเข้าอาวุธรายใหญ่ที่สุดของเมียนมา
ข้อมูลสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเปิดเผยเมื่อช่วงเดือนก.พ. ระบุ รัสเซีย จีนและเซอร์เบีย คือชาติหลักส่งอาวุธให้กองทัพเมียนมานับตั้งแต่การยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนเมื่อปีที่แล้ว ทั้งๆที่อาวุธเหล่านั้นถูกใช้ต่อพลเรือนในเมียนมาเอง
นอกจากนั้น เบลารุส อินเดีย ปากีสถาน ยูเครน เกาหลีใต้และอิสราเอล ก็มีรายงานการขายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กองทัพเมียนมาด้วยก่อนการยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือน แต่รัสเซียคือชาติที่ให้ความร่วมมืออันดีทางทหารแก่เมียนมามากที่สุดเหนือกว่าจีน ทั้งๆที่เมียนมากับรัสเซียไม่ได้มีพรมแดนติดกันเหมือนจีน ซึ่งจีนก็ขายอาวุธให้กองกำลังชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดนใช้สู้ศึกกับกองทัพเมียนมา.