สิงคโปร์กลับมาคุมเข้มโควิดอีกรอบ
สิงคโปร์ : จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในประเทศ ทำให้สิงคโปร์ประกาศมาตรการคุมเข้มนาน 3 สัปดาห์ตั้งแต่ 8 พ.ค.นี้ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด
สถานที่ซึ่งมีความเสี่ยงสูง เช่น ยิมและฟิตเนสในอาคารจะถูกปิด และจำกัดการรวมตัวกันในสถานที่ท่องเที่ยว ห้องสมุดสาธารณะ งานศพและงานอีเวนท์ต่างๆ
โดยจะลดจำนวนการรวมตัวกันของประชาชนจาก 8 คนลงเหลือ 5 คน ทำให้สิงคโปร์ถอยกลับมาสู่เฟส 2 ของการเปิดประเทศ ซึ่งยุติลงไปตั้งแต่ 27 ธ.ค.ปีที่แล้ว
แต่ละครัวเรือนจะมีแขกมาเยือนได้เพียง 5 คนต่อวัน และยังแนะนำให้ประชาชนเข้ารวมกลุ่มทางสังคมได้มากที่สุดเพียง 2 ครั้งต่อวันเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการไปเยี่ยมครัวเรือนอื่น หรือไปพบเพื่อน หรือครอบครัวในสถานที่สาธารณะ
โดยกฎห้ามรวมตัวกันเกิน 5 คนจะมีผลกับการรวมกลุ่มทางสังคมทุกประเภท รวมทั้งการรับประทานอาหารที่ร้านอาหารด้วย
รัฐบาลขอให้ประชาชน work from home ให้มากขึ้น โดยตั้งแต่ 8 – 30 พ.ค. จำนวนลูกจ้างที่จะกลับไปทำงานที่ออฟฟิศจะลดลงเหลือ 50% ลดลงจากปัจจุบันคือ 75%
สำหรับผู้ที่กลับไปทำงานที่สถานที่ทำงาน นายจ้างต้องมีชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น แต่ไม่จำเป็นต้องแยกทีม
การทำงาน อย่างไรก็ตาม ต้องหลีกเลี่ยงการรวมตัวกันในสถานที่ทำงาน ในกรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จะจำกัดการรวมตัวกันไม่เกินกลุ่มละ 5 คน
กำหนดให้มีการตรวจคัดกรองโควิด-19 ก่อนเข้าร่วมพิธีต่างๆ ที่มีผู้เข้าร่วมพิธีเกิน 100 คนขึ้นไป และจำกัดไว้ไม่เกิน 250 คน มาตรการเพิ่มเติมคือระงับการร้องเพลงในพิธีทางศาสนาเพื่อควบคุมความเสี่ยงของโควิด-19
สำหรับพิธีแต่งงาน ต้องมีการตรวจคัดกรองโควิด-19 ก่อน โดยกำหนดให้คนร่วมงานไม่เกิน 250 คน และต้องมีการจัดสถานที่ให้แขกรวมกลุ่มกันไม่เกิน 50 คนในแต่ละกลุ่ม
สำหรับงานศพ ลดจำนวนผู้ร่วมงานลงเหลือ 30 คนในทุกวันที่มีการประกอบพิธี
งานอีเวนท์ต่างๆ ต้องลดจำนวนผู้เข้าร่วมงานลงจากเดิม 750 คน เหลือ 250 คน และต้องมีการตรวจโควิด-19 ก่อน หากมีผู้เข้าร่วมงานเกิน 100 คน
ขณะที่มีการระงับอีเวนท์การแข่งขันกีฬาขนาดใหญ่ และห้ามผู้เข้าชมในสนาม
สถานที่ท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์ และห้องสมุดสาธารณจะลดจำนวนผู้ที่อยู่ในสถานที่นั้นลงเหลือ 50%
สำหรับโรงภาพยนตร์ ต้องมีการตรวจคัดกรองหากมีผู้ชมเกิน 100 คน แต่ยังไม่เปลี่ยนแปลงจำนวนผู้ชมจากปัจจุบันซึ่งจำกัดอยู่ที่ 250 คน
นอกจากนี้ ขอให้ทุกคนโหลดแอปพลิเคชั่น TraceTogether ไว้บนโทรศัพท์มือถือ หรือพก TraceTogether token ไว้ติดตัวตลอด เพื่อช่วยในการยืนยันไทม์ไลน์