ฟิลิปปินส์ต่อล็อกดาวน์มะนิลาอีกสัปดาห์
มะนิลา : เมื่อวันที่ 3 เม.ย. โฆษกประจำตัวของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตแห่งฟิลิปปินส์ประกาศขยายเวลามาตรการล็อกดาวน์ในกรุงมะนิลาและจังหวัดใกล้เคียงออกไปอีกอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ เพื่อควบคุมการติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นอีกครั้ง
โดยฟิลิปปินส์ ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สูงเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 12,576 รายในวันที่ 3 เม.ย. ส่งผลกระทบกับระบบสาธารณสุขของประเทศ
ทั้งนี้ มาตรการคุมเข้มซึ่งรวมถึง การห้ามเดินทางไปทำธุระที่ไม่สำคัญ ห้ามอยู่รวมกันจำนวนมากและห้ามรับประทานอาหารที่ร้าน จะยังคงบังคับใช้ต่อไปอีกหนึ่งอาทิตย์เป็นอย่างน้อย จากถ้อยแถลงของแฮร์รี โร้ก โฆษกของดูเตอร์เตในแถลงการณ์ทางโทรทัศน์
ก่อนหน้านี้ มาตรการล็อกดาวน์นี้มีกำหนดยุติลงในวันที่ 4 เม.ย.
“ มาตรการนี้จะดำเนินการด้วยการคุมเข้มการป้องกัน การตรวจหาผู้ติดเชื้อ การกักตัว การสอบสวนโรคและการเยียวยารักษา ซึ่งจะเป็นการจับตาเฝ้าระวังตัวเลขรายวัน” โฆษกโร้กระบุ
“ เราขอให้รัฐบาลท้องถิ่นเข้มงวดกับมาตรการกักตัวและตรวจสอบผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขขั้นต่ำ”
ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขชี้ว่า มีผู้ติดเชื้อสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 165,715 รายและ 96% เป็นผู้ที่มีอาการเล็กน้อย
แต่จำนวนเตียงว่างในห้องไอซียูของโรงพยาบาลในเมืองหลวงเริ่มลดลงถึงระดับน่ากังวล เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพ กระทรวงสาธารณสุขส่งเต็นท์สนามไปที่โรงพยาบาลทั่วกรุงมะนิลา ด้วยความช่วยเหลือจากองค์การอนามัยโลกและองค์การยูนิเซฟ
นอกจากนี้ ยังมีการส่งกำลังเสริมคือบุคลากรทางการแพทย์อาสาสมัครจากพื้นที่อื่นซึ่งมีอัตราการติดเชื้อต่ำไปที่โรงพยาบาลในเมืองหลวงในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้
ตัวเลขผู้ติดเชื้อในกรุงมะนิลา ( เมืองหลวงที่ประกอบด้วย 16 เขต และมีประชากรอาศัยอยู่อย่างน้อย 13 ล้านคน ) คิดเป็น 2 ใน 5 ของจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมทั่วประเทศคือ 784,043 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 คิดเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด 13,423 ราย
เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์เรียกร้องให้มีเร่งการก่อสร้างสถานกักตัวเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากการแพร่ระบาดในครัวเรือน
อย่างไรก็ตาม มาตรการคุมเข้มไวรัสจะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ ซึ่งหดตัวติดลบถึง 9.5% ในปีที่แล้ว
จนถึงตอนนี้ ฟิลิปปินส์ได้ฉีดวัคซีนไปแล้วเกือบ 739,000 ราย คิดเป็นเพียง 1% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ 70 ล้านคนจากจำนวนประชากรทั้งประเทศ 108 ล้านคนเพื่อให้มีภูมิคุ้มกันหมู่ และเปิดธุรกิจในประเทศได้อย่างปลอดภัย