เมียนมานองเลือด วันเดียวดับ 114 คน
เมื่อวันที่ 28 มี.ค. บรรดาผู้ประท้วงต้านรัฐประหารในเมียนมาต่างเศร้าเสียใจกับรายงานข่าวซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้สังหารผู้ประท้วงไปอย่างน้อย 114 คน นับเป็นเหตุนองเลือดรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่มีการก่อรัฐประหารวันที่ 1 ก.พ.เป็นต้นมา แต่พวกเขายืนยันที่จะประท้วงต่อไปเพื่อยุติระบบเผด็จการทหาร
จากรายงานของสื่อและพยานระบุว่า ในวันกองทัพเมียนมา มีเด็กๆที่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐสังหารด้วย เป็นการปราบปรามผู้ประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดที่ทำให้ชาติตะวันตกประณาม ขณะที่ฝ่ายสอบสวนของสหประชาชาติระบุว่า กองทัพเมียนมากำลังทำ “ฆาตกรรมหมู่”
“ เราเชิดชูวีรบุรุษของพวกเรา ที่สละชีวิตในการปฏิวัติ และเราต้องชนะการปฏิวัตินี้” General Strike Committee of Nationalities (GSCN) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มประท้วงหลักโพสต์บนเฟซบุ๊ก
โดยวันที่ 27 มี.ค. ยังเป็นวันที่มีการต่อสู้รุนแรงที่สุดหลังรัฐประหาร ระหว่างกองทัพและกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธที่ครอบครองหลายพื้นที่ของประเทศ
เมื่อวันที่ 28 มี.ค. หนึ่งในกลุ่มประชาสังคมรายงานว่า เครื่องบินของกองทัพอากาศเมียนมาสังหารคนในหมู่บ้านกะเหรี่ยงไปอย่างน้อย 3 ราย หลังจากก่อนหน้านี้ สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอ้างว่าได้พังป้อมทหารใกล้ชายแดนไทยและสังหารไป 10 ราย โดยการยิงถล่มของกองทัพทำให้บรรดาชาวบ้านต้องหลบหนีเข้าไปในป่า
ทั้งนี้ โฆษกของรัฐบาลทหารไม่ได้ตอบคำถามสื่อเรื่องการสังหารประชาชน หรือการต่อสู้
พลเอกอาวุโสมินอ่องหล่าย ซึ่งเป็นผบ.สูงสุด กล่าวในระหว่างชมการเดินสวนสนามในวันกองทัพเมียนมาว่า ทหารจะปกป้องประชาชน และผลักดันกระบวนการประชาธิปไตย
สื่อ ‘เมียนมานาว’ รายงานว่า ในบรรดาผู้เสียชีวิตประมาณ 40 ราย มีหนึ่งรายเป็นเด็หญิงวัย 13 ปี อาศัยอยู่ในเมืองมัณฑะเลย์ และมีอย่างน้อย 27 รายที่ถูกสังหารในเมืองย่างกุ้ง ซึ่งเป็นเมืองการค้าสำคัญ มีเด็กวัย 13 ปีอีกรายที่เสียชีวิตในเขตซะไกง์
ยังมีผู้เสียชีวิตอีกในรัฐคะฉิ่น ซึ่งเป็นพื้นที่บนภูเขา ทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตทั้งหมดของชาวเมียนมาหลังรัฐประหารพุ่งสูงเกิน 440 รายแล้ว
ทอม แอนดรูว์ส ทูตพิเศษประจำเมียนมาจากสหประชาชาติระบุว่า ถึงเวลาที่โลกต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง หากไม่ผ่านสมัชชาความมั่นคงแห่งยูเอ็น ก็ต้องมีการเรียกประชุมฉุกเฉินนานาชาติ เขาระบุว่าควรตัดหนทางไม่ให้บรรดาเผด็จการทหารเข้าถึงแหล่งเงินทุน เช่น น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และการเข้าถึงอาวุธด้วย
โดยเขาระบุในแถลงการณ์ว่า “ ขณะที่มีความห่วงใยกังวลส่งไปถึงประชาชนชาวเมียนมา แต่รัฐบาลทหารลงมือก่อฆาตกรรมหมู่”
“ชาวเมียนมาต้องการแรงสนับสนุนจากทั่วโลก แค่คำพูดไม่พอ ต้องมีการร่วมแรงร่วมใจกัน ”
ในงานแสดงแสนยานุภาพของกองทัพเมียนมาในวันครบรอบการจัดตั้งกองทัพที่กรุงเนปิดอว์ อเล็กซานเดอร์ โฟมิน รมช.กลาโหมของรัสเซียได้เข้าร่วมด้วย และได้พบปะกับบรรดาผู้นำทหารเมียนมา ขณะที่อีก 7 ประเทศคือ จีน อินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ เวียดนาม ลาวและไทย ส่งผู้แทนเข้าร่วมงานในวันกองทัพเมียนมา ซึ่งเป็นวันครบรอบการสถาปนากองทัพ หลังเมียนมาได้อิสรภาพจากการปกครองของญี่ปุ่น
ก่อนหน้านี้ กองทัพเมียนมาได้ออกโรงเตือนไม่ให้มีการประท้วงต้านรัฐประหารตามถนนอีก โดยระบุว่าผู้ประท้วงมีความเสี่ยงที่จะถูกยิงที่ศีรษะได้