แม่ชีคุกเข่าขออย่ายิงผู้ประท้วงในเมียนมา
ย่างกุ้ง – ซิสเตอร์แอนน์ โรส นู ตอง คุกเข่าลงในเมืองทางเหนือของเมียนมาเพื่อขอร้องให้ตำรวจติดอาวุธยกเว้นการทำร้ายเด็กๆ ผู้ประท้วงและให้เอาชีวิตของท่านไปแทน
คลิปภาพของแม่ชีคาธอลิกในชุดขาว ที่ขอร้องให้กำลังทหารของกองทัพที่เตรียมพร้อมจะปราบปรามการประท้วง กลายเป็นไวรัล และต่างยกย่องท่านในประเทศเมียนมาที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ
“ แม่ได้คุกเข่า ขอร้องพวกเขาไม่ให้ยิงและทำร้ายเด็กๆ แต่ให้ยิงแม่แทน” แม่ชีกล่าวให้สัมภาษณ์สื่อ AP ในวันที่ 9 มี.ค.
การกระทำที่กล้าหาญของแม่ชีในเมืองมิตจีนาในวันที่ 8 มี.ค.เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เมียนมามีเหตุการณ์ความรุนแรงจากการสลายการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง หลังกองทัพก่อรัฐประหารและยึดอำนาจในการปกครองประเทศจากรัฐบาลพลเรือนที่นำโดยนางอองซานซูจีเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา
ขณะที่ผู้ชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้มีการคืนประชาธิปไตยให้ประชาชน กองทัพกลับยกระดับความรุนแรงขึ้น โดยมีการใช้ทั้งแก๊สน้ำตา ฉีดน้ำแรงดันสูง กระสุนยางและกระสุนจริงเข้าสลายการชุมนุม
ในวันที่ 8 มี.ค.กลุ่มผู้ชุมนุมเดินขบวนประท้วงไปตามถนนหลายสายในเมืองมิตจีนา เมืองหลวงของรัฐคะฉิ่น โดยพวกเขาสวมหมวกนิรภัยและถือโล่ที่ทำกันเองเป็นเครื่องมือป้องกันตัว
ตำรวจเริ่มเข้าล้อมผู้ประท้วง ทำให้ซิสเตอร์แอน โรส นู ตอง และแม่ชีอีก 2 คนต่างช่วยกันร้องขอให้ตำรวจปล่อยพวกเขา
“ตำรวจไล่ล่าเพื่อจับกุมพวกเขาและแม่กังวลเป็นห่วงเด็กๆ” เธอกล่าว
เมื่อถึงจุดนั้น แม่ชีวัย 45 ปีผู้นี้จึงคุกเข่าลง ไม่นานหลังจากนั้น ขณะที่แม่ชียังคงวิงวอนขอร้อง ตำรวจก็เริ่มยิงเข้าใส่ผู้ประท้วงที่อยู่ด้านหลังแม่ชี
“ เด็กๆกลัวมากและวิ่งมาอยู่ข้างหน้า แม่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากขอพระเจ้าให้ปกป้องและช่วยเหลือเด็กๆ”
แม่ชีเห็นชายคนหนึ่งถูกยิงเข้าที่ศีรษะล้มลงเสียชีวิตต่อหน้าเธอ จากนั้นก็รู้สึกได้ถึงแก๊สน้ำตา
“แม่รู้สึกเหมือนโลกถล่ม แม่เศร้ามากที่เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่แม่คุกเข่าขอร้องพวกเขา”
ทีมกู้ชีพท้องถิ่นยืนยันกับสื่อว่า มีชาย 2 คนถูกยิงเสียชีวิตตรงจุดที่เกิดการปะทะในวันที่ 8 มี.ค. แต่ไม่ยืนยันว่าตำรวจใช้กระสุนยาง หรือกระสุนจริง
รัฐคะฉิ่น ซึ่งเป็นรัฐทางเหนือของประเทศ เป็นที่อยู่ของกลุ่มชาติพันธุ์คะฉิ่น และที่ตั้งมีความขัดแย้งยาวนานระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธและทหาร
หลายหมื่นคนหลบหนีออกจากบ้านไปที่ค่ายพักพิงทั่วรัฐ และกลุ่มที่ให้ความช่วยเหลือคือกลุ่มคริสเตียน
วันที่ 8 มี.ค. ไม่ใช่วันแรกที่ซิสเตอร์แอน โรส นู ตองประจันหน้ากับตำรวจ โดยเมื่อวันที่ 28 ก.พ. เธอขอร้องในลักษณะเดียวกันเพื่อขอความเมตตา คือเดินเข้าไปหาตำรวจอย่างช้าๆ คุกเข่าลงและขอร้องตำรวจให้หยุด
“แม่คิดว่าแม่จะเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ 28 ก.พ.” แม่ชีเอ่ยถึงวันแรกที่ท่านตัดสินใจยืนหยัดขึ้นเพื่อต่อต้านตำรวจติดอาวุธ
ในวันที่ 8 มี.ค. มีแม่ชีคนอื่นๆ และบาทหลวงมาล้อมรอบขณะที่แม่ชีขอความเมตตาให้ผู้ประท้วง
“เราทำไปเพื่อปกป้องซิสเตอร์ของเราและคนของเราเพราะชีวิตของท่านมีความเสี่ยง” ซิสเตอร์แมรี จอห์น พอลกล่าวกับสื่อ
เจ้าหน้าที่มีการปราบปรามอยู่บ่อยครั้งในเมืองนี้หลังมีรัฐประหาร รวมทั้งเหตุสลายการชุมนุมอย่างสงบของกลุ่มครูในเดือนที่แล้ว ที่ทำให้หลายคนต้องซ่อนตัว
จนถึงตอนนี้ มีผู้เสียชีวิตกว่า 60 คนจากการสลายการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐประหารทั่วประเทศ จากข้อมูลของสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง
แม้ซิสเตอร์แอน โรส นู ตอง จะมีความกลัวมาก แต่แม่ชีบอกว่าเธอต้องกล้าหาญและจะยืนหยัดเพื่อเด็กๆ
“แม่ไม่อาจยืนดูอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย แม่ไม่อยากต้องเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าที่ทำให้เมียนมาต้องเศร้าสลด”