อินโดฯคาดติดเชื้อพุ่งสูงสุดเดือนเม.ย.
จาการ์ตา – ประธานสภากาชาดอินโดนีเซียระบุว่า อินโดนีเซียมีแนวโน้มจะเริ่มมีผู้ติดเชื้อรายวันจากโควิด-19 ลดลงในเดือนเม.ย.นี้ เนื่องจากมีการฉีดวัคซีนให้ประชาชนเป็นจำนวนมากพอ
โดยยูซุฟ คัลลา ซึ่งรั้งตำแหน่งรองประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ระบุว่า ประเทศที่มีประชากรมากกว่า 270 ล้านคนนี้ “ยังอยู่ในการระบาดระลอกแรก” ของโควิด-19 และจำนวนผู้ติดเชื้อยังไม่ลดลงตั้งแต่รัฐบาลรายงานผู้ติดเชื้อรายแรกในเดือนมี.ค.ปีที่แล้ว
“ หากเราดูแนวโน้มในตอนนี้ ผมคิดว่าบางที ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันจะแตะ 2 หมื่นราย ก่อนที่จะลดลง” คัลลาระบุในการสัมภาษณ์ที่บ้านพักในกรุงจาการ์ตา
จนถึงวันที่ 9 ก.พ. อินโดนีเซียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่รักษาตัวอยู่ถึง 169,351 ราย ( สูงที่สุดในเอเชีย) โดยมีผู้ติดเชื้อสะสม 1,174,779 ราย และมีผู้เสียชีวิต 31,976 ราย จากข้อมูลของทางการ
โดยรองประธานาธิบดีคัลลาระบุว่า ประเทศต้องฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 ล้านคนทุกวัน หากต้องการให้บรรลุตามเป้าภายในเวลาหนึ่งปีครึ่ง ทั้งนี้ รัฐบาลตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ประชาชนกว่า 181.5 ล้านคนภายในต้นปีหน้า
บูดี กูนาดี ซาดิคิน รมว.สาธารณสุขระบุเมื่อเดือนม.ค.ว่า คาดการณ์ว่าจะฉีดวัคซีนได้ 70% ของจำนวนประชากร แต่ไม่รวมสตรีมีครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัวหลายโรค และผู้ที่หายจากโควิด-19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศ
จนถึงตอนนี้ อินโดนีเซียมีวัคซีนต้านโควิด-19 จากทั้งบริษัทซิโนแวค , ไฟเซอร์ , แอสตราเซเนกา และโนวาแวกซ์ รัฐบาลยังได้เป็นหุ้นส่วนกับ Gavi พันธมิตรวัคซีนนานาชาติด้วย
อินโดนีเซียฉีดวัคซีน 2 โดสของซิโนแวค ที่มีชื่อเรียกว่า ‘โคโรนาแวค’ ให้กับบคุลากรทางการแพทย์กว่า 221,000 คนจากทั้งหมด 1.4 ล้านคนในการฉีดวัคซีนระยะแรก โดยเริ่มฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุวัย 60 ปีขึ้นไปตั้งแต่ 8 ก.พ. และบุคลากรในส่วนบริการสาธารณะ รวมทั้งตำรวจและทหาร จะเริ่มฉีดวัคซีนในเดือนมี.ค.เป็นต้นไป
“คาดการณ์ว่าภายในสิ้นเดือนเม.ย. หรือกลางเดือนเม.ย. เราจะสามารถเริ่มฉีดวัคซีนให้ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศได้ ” ซาดิคินกล่าว
คัลลาระบุว่า ถูกต้องแล้วที่ซื้อวัคซีน ‘โคโรนาแวค’ ซึ่งง่ายกว่าสำหรับอินโดนีเซียในการจัดเก็บวัคซีน เพราะสามารถเก็บในตู่เย็นธรรมดาในโรงพยาบาลและหน่วยงานสาธารณสุขในชุมขน
เขาระบุว่า เชาเชื่อว่าอินโดนีเซียจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่มีผู้ติดเชื้อรายวันนับแสนคนในสหรัฐฯ แต่เขาเตือนประชาชนชาวอินโดนีเซียถึงความเสี่ยงที่ยังคงมีอยู่
“ เรายังมีวินัยมากกว่าในอเมริกา ซึ่งปัจจัยสำคัญคือทรัมป์ ซึ่งไม่สนใจอะไร ตัวเขาเองเป็นตัวอย่างแย่ๆที่ไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัยเลย”
“แต่สถานที่รักษาของเราไม่พอ เราไม่ใช่จีน ซึ่งสามารถสร้างโรงพยาบาลสนามที่อู่ฮั่นได้ภายใน 10 วัน ดังนั้น จึงต้องใช้ความพยายามมากๆ โดยเฉพาะวินัยของคนในประเทศ”