แพทย์เมียนมาอารยะขัดขืน ประท้วงรัฐประหาร
ย่างกุ้ง – เมื่อวันที่ 3 ก.พ. บุคลากรทางการแพทย์ใน 70 โรงพยาบาลใน 30 เมืองทั่วประเทศเมียนมาทำอารยะขัดขืนด้วยการหยุดงานประท้วงการทำรัฐประหารของกองทัพเพื่อยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลประชาธิปไตยของนางอองซานซูจี
แถลงการณ์จากกลุ่ม Myanmar Civil Disobedience Movement ระบุว่ากองทัพเห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเองมากกว่าของประชาชนที่กำลังเผชิญกับความยากลำบากในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
“เราปฏิเสธที่จะเชื่อฟังคำสั่งจากการกระทำที่ผิดกฎหมายของกองทัพซึ่งแสดงออกว่าไม่ให้ความสำคัญกับผู้ป่วยที่น่าสงสารของเรา เราจะปฏิบัติตามและเชื่อฟังคำสั่งจากรัฐบาลประชาธิปไตยที่ชนะการเลือกตั้งมา” จากแถลงการณ์ของกลุ่มผู้ประท้วง
จนถึงวันที่ 3 ก.พ. ในเมียนมา มีผู้ติดเชื้อสะสมจากโควิด-19 กว่า 140,300 คนและมีผู้เสียชีวิตกว่า 3,100 คน อ้างอิงจากข้อมูลที่รวบรวมโดยมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์
โดยบรรดานักศึกษาและกลุ่มคนอายุน้อยเข้าร่วมกับกลุ่มพลเมืองอารยะขัดขืนเช่นกัน
เมียนมากลับไปอยู่ภายใต้การปกครองของเผด็จการทหารอีกครั้ง หลังจากทหารเข้าบุกจับกุมและควบคุมตัวนางอองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ และผู้นำรัฐบาลคนอื่นๆในเช้าวันที่ 1 ก.พ. จนถึงตอนนี้ โฆษกพรรค NLD ระบุว่า นางซูจีถูกกักบริเวณในบ้านพักเหมือนครั้งก่อนที่เธอถูกทหารควบคุมตัวในบ้านพักของเธอเองนานสิบกว่าปี
ตลอดทั้งวันที่ 3 ก.พ. มีการรณรงค์ให้พลเมืองเมียนมาแสดงอารยะขัดขืนต่อต้านรัฐประหาร
มีทหารประจำการบนท้องถนนหลายสายในเมืองใหญ่ และไม่มีการประท้วงที่เห็นชัดเจน แต่มีสัญญาณว่าประชาชนไม่พอใจและเริ่มมีแผนต่อต้านผุดขึ้นในโลกออนไลน์
ในช่วงเย็นวันที่ 2 ก.พ. ในเมืองย่างกุ้ง มีเสียงเคาะหม้อ เคาะกระทะ และเสียงบีบแตรรถดังทั่วเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมียนมา หลังจากมีเสียงเรียกร้องให้มีการรวมตัวกันเพื่อประท้วงต้านรัฐประหารว่อนโซเชียลมีเดีย
เนื่องจากสัญญาณโทรศัพท์และสัญญาณอินเทอร์เน็ตโดนตัด ชาวเมียนมาจึงใช้แอปพลิเคชั่น bridgefy เพื่อใช้แชตสื่อสารถึงกัน ก่อนที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตจะกลับมาใช้ได้อีกครั้ง
การเซ็นเซอร์กลับมาเข้มงวดเหมือนช่วงเวลาก่อนที่นางซูจีจะได้เป็นรัฐบาล โดยในเช้าวันที่ 3 ก.พ สื่อทางการของเมียนมาตีพิมพ์คำเตือนจากกระทรวงสารสนเทศที่มีต่อกลุ่มต่อต้านรัฐประหาร
“ บางองค์กรสื่อและประชาชนจำนวนหนึ่งกำลังแพร่ข่าวลือบนโซเชียลมีเดีย เผยแพร่แถลงการณ์ที่ก่อให้เกิดสถานการณ์ที่ไม่มั่นคง”
จึงขอเรียกร้องให้ประชาชน “อย่าเคลื่อนไหวในแนวทางเช่นนั้น และให้ความร่วมมือกับรัฐบาลและปฏิบัติตามกฎหมายที่มีอยู่”