‘โจโควี่’ ฉีดวัคซีนโควิดคนแรกของอินโดฯ
เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ประธานาธิบดีโจโค วิโดโดแห่งอินโดนีเซียได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 โดสแรกของบ.ชิโนแวค ไบโอเทค กลายเป็นคนแรกของประเทศที่ได้รับวัคซีนต้านโรคระบาดรุนแรงนี้
โดยโจโควี่ ( ซึ่งเป็นชื่อที่คนนิยมเรียกผู้นำอินโดฯ ) ได้รับการฉีดวัคซีนโดสแรกที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงจาการ์ตา และมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ไปทั่วประเทศ โดยในวันเดียวกัน สมาชิกคณะรัฐมนตรีก็ได้ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ด้วย
“การฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเราเพื่อหยุดวงจรการแพร่ระบาดและเพื่อให้ชาวอินโดนีเซียมีสุขภาพที่ดี มีความปลอดภัยและเป็นการปกป้องทุกคน” วิโดโดระบุหลังได้รับวัคซีน โดยเสริมว่าการฉีดวัคซีนจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ
เขายังได้เตือนให้ประชาชนยังคงปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังด้านสาธารณสุขต่อไป แม้จะมีวัคซีนแล้วก็ตาม
ในวันที่ 11 ม.ค. อินโดนีเซียได้อนุมัติรับรองวัคซีนของชิโนแวคเพื่อการใช้งานฉุกเฉินเป็นที่แรกนอกประเทศจีน โดยข้อมูลจากการทดสอบวัตซีนในระยะสุดท้ายชี้ว่า ตัวเลขประสิทธิภาพของวัคซีนอยู่ที่ 65.3%
ทั้งนี้ วัคซีนโคโรนาแวค (CoronaVac) กำหนดว่าต้องฉีด 2 โดสเพื่อให้มีประสิทธิภาพ
การฉีดวัคซีนของวิโดโด ถือเป็นการเริ่มต้นโครงการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ในอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ
มีการประเมินว่าบุคลากรทางการแพทย์ประมาณ 1.48 ล้านคนจะเริ่มได้รับวัคซีนในสัปดาห์นี้ โดยคาดการณ์ว่ากว่า 560,000 คนจะได้รับวัคซีนภายในเดือนม.ค. และอีก 900,000 คนมีกำหนดจะได้รับวัคซีนในเดือนก.พ.
โดยกลุ่มต่อไปที่จะได้รับวัคซีนคือเจ้าหน้าที่รัฐที่มีความเสี่ยงสูงจำนวน 17.4 ล้านคน
เมื่อวันที่ 12 ม.ค.รมว.สาธารณสุข บูดี กูนาดี ซาดิคินระบุที่สภาว่า กลุ่มผู้สูงอายุ 21.5 ล้านคนจะเริ่มได้รับวัคซีนของบ.ไฟเซอร์ – ไบโอเอ็นเทค และบ.แอสตราเซเนกาตั้งแต่เดือนเม.ย. หลังจากนั้นจะเป็นกลุ่มประชาชนวัยทำงาน อายุ 18 – 59 ปี
จนถึงตอนนี้ อินโดนีเซียเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากที่สุดในอาเซียน คือมีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 840,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตถึง 24,5000 ราย
อินโดนีเซียสั่งจองซื้อวัคซีนต้านโควิด-19 กว่า 300 ล้านโดส เป็นวัคซีนจากชิโนแวคอย่างน้อย 125.5 ล้านโดส 50 ล้านโดสจากบ.ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค 54 ล้านโดสจากโคแวกซ์ (Covax) และ 30 ล้านโดสจากโนวาแวกซ์ (Novavax)
รัฐบาลอินโดนีเซียตั้งเป้าว่าจะฉีดวัคซีนให้ประชาชนกว่า 180 ล้านคนจากจำนวนประชากรทั้งประเทศกว่า 260 ล้านคนเพื่่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นในประเทศ
