อินโดฯ ห้ามต่างชาติเข้าประเทศ 2 สัปดาห์
เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. เรตโน มาร์ซูดี รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซียระบุว่า อินโดนีเซียไม่อนุญาตให้นักเดินทางต่างช่าติเข้าประเทศเป็นเวลานาน 2 สัปดาห์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่
มีการประกาศใช้กฎข้อบังคับใหม่นี้ ซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 ม.ค. ไม่กี่วันหลังจากอินโดนีเซียประกาศห้ามนักเดินทางจากสหราชอาณาจักรเข้าประเทศ และมีมาตรการคุมเข้มกับนักเดินทางที่มาจากยุโรปและออสเตรเลียเพื่อจำกัดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วกว่าเดิมของโควิดกลายพันธุ์
โดยช่วงก่อนหน้านี้ในปีนี้ อินโดนีเซียประกาศห้ามนักเดินทางต่างชาติเข้าประเทศ แต่มียกเว้นเฉพาะการเดินทางของนักธุรกิจ
โดยรมว.ต่างประเทศระบุว่า ข้อกำหนดใหม่นี้มีผลกับนักเดินทางต่างชาติทั้งหมด ยกเว้นเฉพาะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล หรือชาวต่างชาติที่มีใบอนุญาตพำนักถาวร
อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกประสบปัญหาในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 นับตั้งแต่มีการรายงานผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศเมื่อเดือนมี.ค. จนถึงตอนนี้ มีผู้ติดเชื้อสะสมมากถึง 719,219 ราย และมีผู้เสียชีวิตถึง 21,452 ราย
ในวันที่ 28 ธ.ค. มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5,854 ราย และมีผู้เสียชีวิต 215 ราย โดยมีอัตราผลตรวจเชื้อเป็นบวกอยู่ที่ 20% ในช่วงนี้
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้ ระบบสาธารณสุขของอินโดนีเซียประสบกับแรงกดดัน หลังจากโรงพยาบาลบนเกาะชวาต้องเพิ่มเตียงผู้ป่วยเพราะห้องฉุกเฉินเริ่มถึงขีดจำกัดในการรักษา
อับดุล คาดีร์ ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงระบุในวันเดียวกันว่า โรงพยาบาลอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะรับภาระหนักเกินจากการติดเชื้อที่พุ่งขึ้นในช่วงวันหยุดสิ้นปี โดยอัตราผู้ป่วยที่รักษาในโรงพยาบาลในกรุงจาการ์ตาสูงถึง 84%
ในชวาตะวันตก ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ อัตราเตียงผู้ป่วยเต็มถึง 84% และในชวาตะวันออก สูงถึง 77%
“นี่หมายความว่าพื้นที่เหล่านี้อยู่ในระดับสีแดง อัตราเตียงว่างอยู่ในระดับสีแดง หากมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีกจะทำให้ระบบโรงพยาบาลทรุด” เขากล่าว โดยเสริมว่าจะมีการเพิ่งเตียงผู้ป่วยอีก 500 เตียงในกรุงจาการ์ตา
มีผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาหายแล้วทั้งหมด 589,978 ราย หลังจากมีผู็ป่วยที่รักษาหายเพิ่มอีก 6,302 รายในวันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา