SCB EIC ชี้ 3 ทางออกปมวิกฤติเงินตุรกี
1 min read
ดูแล้ว: 47 ศูนย์วิจัยฯไทยพาณิชย์ ชี้วิกฤติการเงินตุรกี เกิดจากปมการเมืองระหว่างประเทศ เชื่อไม่จบง่ายๆ พร้อมแนะ 3 ทางเลือกเชิงนโยบาย “ขึ้นดอกเบี้ย-คุมเงินทุนไหลออก-ซบไอเอ็มเอฟ” ยืนยันกระทบไทยแค่ระยะสั้น และจำกัดวง เหตุส่งออกไทยไปตุรกีมีน้อยมากแค่ 0.5% ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับปัญหาวิกฤติการเงินตุรกีที่กำลังกลายเป็นประเด็นความวิตกกังวลให้กับสังคมโลก ต่อเนื่องจากปมสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน โดยชี้ว่า รัฐบาลตุรกีกำลังเผชิญกับปัญหาความเปราะบางทางเศรษฐกิจเป็นเวลานาน สะท้อนจากดุลบัญชีเดินสะพัดที่ขาดดุลในระดับสูงต่อเนื่อง สัดส่วนหนี้ต่างประเทศต่อ GDP ที่สูงและสัดส่วนเงินทุนสำรองระหว่างประเทศต่อหนี้สินต่างประเทศระยะสั้นที่ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ทำให้นักลงทุนทั่วโลกต่างกังวลต่อประเด็นความเปราะบางทางเศรษฐกิจของตุรกีมากยิ่งขึ้น ภายหลังเกิดความขัดแย้งทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงตามลำดับ เริ่มจากเมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศคว่ำบาตรรัฐบาลตุรกี ด้วยการเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากตุรกีเป็น 50% และ 20% ตามลำดับ เพื่อกดดันรัฐบาลตุรกีในประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง ขณะเดียวกัน รัฐบาลตุรกีได้ประกาศจะตอบโต้กลับด้วยการเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ประกอบด้วย ภาษีรถยนต์ 120% ภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 140% และภาษีบุหรี่ 60% เช่นกัน ผลจากสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลทำให้ค่าเงินลีราตุรกีเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าอย่างรุนแรงถึง63% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยเป็นการอ่อนค่า 24% นับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ขณะเดียวกันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 2% มาอยู่ที่ 20.12% นับจากต้นเดือนสิงหาคมและตลาดหุ้นปรับตัวลดลง 6.34% นับจากต้นเดือนเช่นกัน ทั้งนี้ ปัญหาวิกฤติการเงินตุรกีมีต้นตอมาจากความเปราะบางทางเศรษฐกิจของประเทศตุรกีเป็นหลักเนื่องจากโครงสร้างทางเศรษฐกิจตุรกีมีความเปราะบาง ทั้งจากเสถียรภาพภายในประเทศ และต่างประเทศ โดยเสถียรภาพภายในประเทศมีความเปราะบางจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 15.1% YOY ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอัตราเงินเฟ้อของประเทศเกิดใหม่ค่อนข้างมาก นอกจากนี้เสถียรภาพต่างประเทศของตุรกีก็เปราะบางด้วยเช่นกัน กล่าวคือ ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลเป็นเวลานานนับตั้งแต่ปี 2009 และขาดดุลเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 7% ต่อ GDP ในไตรมาส 1 ปี 2018... อ่านต่อ