NATIONAL

ดูแล้ว: 369 กสิกรไทยจับมือ “ซีพี รีเทลลิงค์” คลอดสินเชื่อแฟรนไชส์กว่า 200 ล้านบาท สร้างโอกาสให้คนไทยเป็นเจ้าของร้านกาแฟมวลชน... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 30 “กรุงศรี ออโต้” ปรับเพิ่มเป้าปล่อยสินเชื่อยานยนต์ใหม่ หลังสินเชื่อโตทุกตัว ดันยอดปล่อยกู้ครึ่งปีแรกทะลุ 345,000 ล้านบาท... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 34 อลิอันซ์ ประกันภัย ผนึก Kaidee รุกขายประกันภัยออนไลน์ ผ่านฐานลูกค้า 7 ล้านราย เริ่ม 4 กลุ่มหลัก”รถยนต์-บ้านและทรัพย์สิน-การเดินทาง-อุบัติเหตุส่วนบุคคล” ตั้งเป้าเติบ 20-30% คาดปล่อยของได้ปลายปีนี้ นางสาวศิรินทิพย์ โชติธรรมาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อลิอันซ์ ประกันภัย กล่าวถึงโอกาสทำตลาดออนไลน์ในธุรกิจประกันภัยร่วมกับ Kaidee ตลาดนัดออนไลน์ใหญ่สุดของไทย ว่า นับเป็นครั้งแรกของการทำการตลาดธุรกิจประกันภัยในระบบออนไลน์อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯเข้าถึงลูกค้ากว่า 7 ล้านคนของ Kaidee และสามารถใช้ข้อมูลเชิงลึก (Data Information) มาประเมินผล เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมทุกๆ ด้านของลูกค้า รองรับการออกแบบกรมธรรม์ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้ารายบุคคลได้ “ตอนนี้อยู่ในช่วงต้นของความร่วมมือระหว่างกันตลอด 3 ปีนับจากนี้ โดยทีมงานทั้ง 2 บริษัทได้ร่วมกันทดสอบระบบต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันภัยผ่านช่องทางออนไลน์ทั้ง 4 ประเภท คือ รถยนต์, บ้านและทรัพย์สิน, การเดินทาง และอุบัติเหตุส่วนบุคคล ได้ภายในปลายปีนี้”  นางสาวศิรินทิพย์กล่าวอีกว่า การใช้ Data มาช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า จะช่วยให้การกำหนดราคาขายกรมธรรม์ของลูกค้าแต่ละคนมีความเหมาะสม และทำให้ลูกค้าที่มีภาวะความเสี่ยงต่ำ จ่ายเงินค่ากรมธรรม์ถูกกว่ากลุ่มที่มีพฤติกรรมและความเสี่ยงสูงกว่า ทั้งนี้ คาดว่าอัตราการเติบโตของรายได้ผ่านช่องทางออนไลน์ของ Kaidee จะมีราว 20-30% สำหรับการดำเนินงานของบริษัทฯช่วงครึ่งปีแรกพบว่า เติบโตราว 10% ซึ่งโตกว่าภาพรวมของธุรกิจประกันภัย โดยมีรายได้รวม 1,600-1,700 ล้านบาทเชื่อว่าอัตราการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังต่อเนื่องจนถึงปีหน้า น่าจะโตมากขึ้นกว่านี้ เนื่องจากได้ช่องทางการขายของ Kaidee มาช่วยสนับสนุน นายทิวา ยอร์ค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร/เฮดโค้ช Kaidee กล่าวว่า ช่องทางการตลาดออนไลน์ที่บมจ.อลิอันซ์ ประกันภัย จะนำไปใช้ และความร่วมมือในการพัฒนาระบบต่างๆ ขึ้นมารองรับร่วมกับKaidee จะช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า ถือว่าทั้ง 2 บริษัทเดินมาได้อย่าง “ถูกที่ ถูกเวลาถูกต้อง และถูกใจ” ของลูกค้ามากที่สุด ทั้งนี้ Kaidee มียอดขายสินค้าในปีที่ผ่านมา ทั้งสินค้าใหม่และสินค้ามือสองมากกว่า 1.85 ล้านชิ้น โดยในครึ่งแรกของปีนี้ มียอดขายสินค้าโตขึ้นจากปีก่อนราว 24%ทั้งนี้ สินค้าที่ขายดีที่สุด 6 อันดับแรก คือ รถยนต์, มอเตอร์ไซค์, อสังหาริมทรัพย์, โทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต, อะไหล่และชิ้นส่วนรถยนต์ และพระเครื่อง.... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 38 ไทยพาณิชย์ ผนึกพันธมิตรระดับชาติ หนุน 7 เอสเอ็มอีไทย นำร่องโครงการ “รวมพลังตัวจริงหนุนเอสเอ็มอี – ชี้ทางรอดธุรกิจโรงแรม” เสริมแกร่งธุรกิจโรงแรม “คนตัวเล็ก”... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 15 “วิรไท” ระบุจีดีพีไตรมาส 2 ปีนี้ ขยายตัว 4.6% สอดคล้องกับประมาณการเศรษฐกิจขาขึ้น ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยตามจังหวะเวลาที่เหมาะสม... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 74 สศช.คาดการณ์จีดีพีปีนี้ ขยายตัว 4.2-4.7% โดยมีค่ากลาง 4.5% ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับประมาณการก่อนหน้านี้ โดยมองว่า ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยอาจชะลอตัวจากฐานสูง... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 50 กสิกรไทยรุกหนัก! ตลาด AEC+3 จ่อขยายธุรกิจผ่านรูปแบบดิจิตอล เทคโนโลยี ประกาศทุ่มงบ 8 พันล้านบาท เปิดตัว “เควิชั่น” วางตัวเป็นหัวหอกร่วมลงทุนและแสวงหาดิจิทัล เทคโนโลยีชั้นนำจากทั่วโลก หวังต่อยอดธุรกิจธนาคารในภูมิภาคนี้ ดันสู่ความเป็น Regional Life Platform of Choice รองรับกลุ่มลูกค้าใหม่จำนวนมหาศาลในอนาคต นายภัทรพงศ์ กันหสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารฯได้ทุ่มเงินลงทุนกว่า 8,000 ล้านบาท จัดตั้งบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด หรือ เควิชั่น (KASIKORN VISION... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 41 เอฟดับบลิวดีทุ่มเงินกว่า 500 ล้าน ยกระดับดิจิทัลเทคโนโลยี หวังขึ้นแท่นเบอร์ 1 ธุรกิจประกันชีวิต เชื่อจากนี้ประสิทธิภาพขององค์กรและงานบริการสูงขึ้น ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ชี้ภัยแฮกเกอร์รุกข้อมูลรักษาอาการป่วยและการชำระเงินน่ากลัวสุด เผยดึงเทคโนโลยีป้องกันและมืออาชีพจากต่างประเทศมาช่วยสกัดภัยไซเบอร์แล้ว นายอภิรักษ์ จิตรานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานเทคโนโลยีและปฏิบัติการ บมจ.เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต เปิดเผยว่า บริษัทแม่ได้ลงทุนด้านดิจิทัลเทคโนโลยีกว่า 500 บาท ในช่วง3 ปีนี้ (2561-2563) ให้กับบริษัทฯ โดยเน้นลงทุนในปีนี้หน้ากว่า 50% ของงบลงทุนทั้งหมด ทั้งนี้ บริษัทฯมุ่งหวังจะก้าวสู่ความเป็นผู้นำในด้านนี้ ซึ่งงบดังกล่าวรวมถึงการยกระดับการป้องกัยจากแฮกเกอร์ที่อาจเข้ามาเจาะข้อมูลด้านการประกันภัยทั้งของบริษัทฯและลูกค้า เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทประกันภัยทุกแห่งซึ่งเป็นอีกสายงานหนึ่งของสถาบันการเงิน ต่างถูกเจาะข้อมูลทั้งของบริษัทและของลูกค้า เพียงแต่แฮกเกอร์ทำอะไรได้ไม่มากนัก โดยบริษัทฯได้ลงทุนด้านนี้เยอะมาก รวมถึงทำการดึงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจากต่างประเทศมาช่วยในการดำเนินงานอีกด้วย “เรื่องข้อมูลประกันภัยของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญมาก ส่วนหนึ่งเพราะเราเน้นลูกค้าส่วนบุคคล แต่สำคัญกว่านั้นคือ หากข้อมูลหรือประวัติการรักษาพยาบาล อาการเจ็บป่วย การชำระเงิน ฯลฯ รวมถึงข้อมูลบัตรเครดิตที่ลูกค้าใช้ชำระเงิน หลุดไปถึงมือกลุ่มมิจฉาชีพ เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความเสียหายที่อาจจะมีตามมาคืออะไร และจะมากมายสักแค่ไหน ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือป้องกันไว้ก่อน” นายอภิรักษ์ และว่า จากนี้เชื่อว่าบริษัทประกันชีวิตคงแข่งขันด้านการลงทุนเกี่ยวกับดิจิทัลเทคโนโลยีกันอย่างรุนแรง แต่ภาพรวมจะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าและธุรกิจประกันภัย นอกจากนี้ บริษัทฯยังหวังจะยกระดับการให้บริการที่ดีแก่ลูกค้า และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานขององค์กร รวมถึงการทำงานของพนักงานทุกระดับ ตลอดจนสร้าง “ห่วงโซ่แห่งคุณค่า” (Value Chain)ตั้งแต่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ การพิจารณารับเบี้ยประกันภัยการชำระเบี้ย และการบริหารหลังการขาย โดยมุ่งสู่ความสำเร็จ 5 ด้าน คือ 1.ให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลความคุ้มครอง หรือมูลค่ากรมธรรม์ได้โดยเร็ว ลูกค้าสามารถเพิ่มเติมความคุ้มครอง หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลกรมธรรม์ได้ดวยตัวเอง 2.มุ่งเปลี่ยนประสบการณ์สร้างความประทับใจและเข้าใจในตัวสินค้ามากขึ้น ใกล้ตัวลูกค้ามากขึ้น 3.สนับสนุนฝ่ายขายและการตลาดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รองรับความต้องการลูกค้าทุกกลุ่มและลูกค้ามุ่งหวัง โดยใช้เทคโนโลยีมาวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อเข้าใจแนวโน้มและทิศทางของผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม 4.นำเทคโนโลยีการวิเคราะห์และตรวจสอบข้อมูลที่ทันสมัยมาใช้ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในคุณภาพการให้บริการและลดความผิดพลาดจากกระบวนการทำงาน และ 5.เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ด้วยการนำระบบอัจฉริยะเช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเครื่องมืออื่นๆ มาใช้ในการดำเนินงานและให้บริการครบวงจรในช่วงเวลาสั้นๆ ข้ามกรือตัดทิ้งขั้นตอนที่ไม่จำเป็นออกไป... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 25 เปิดตัว “Samtuprakarn Explore the New Horizon ค้นพบความสุข เปิดมุมมองใหม่สมุทรปราการ” เผย “รองพ่อเมืองสมุทรปราการ” คิดการใหญ่ เร่งตั้ง “ศูนย์ละลายทรัพย์” ดูดเงินนักเที่ยวต่างแดนก่อนบินกลับบ้าน ด้าน อบจ.ปากน้ำ บ่นอุบ เหตุกฎหมายปิดกั้นการเมืองท้องถิ่น ดึงทุนจากแบงก์รัฐอุดหนุนธุรกิจท่องเที่ยวในชุมชน... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 64 กรมสรรพสามิตยันจับกุมยายขายสาโท ไม่ใช่ขายข้าวหมาก หลังตรวจสอบพบข่าวโซเซียลมีเดียมั่วนิ่ม เจตนาไม่มีดีทำให้หน่วยงานรัฐเสียหาย   นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 24 “ออมสิน” มั่นใจเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เล็งประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ ขยายตัวเป็น 4.6% ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนที่ขยายตัวอยู่ที่ 3.9%... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 49 บิ๊ก’บัตรกรุงศรี ชี้ ตลาดบัตรเครดิตกลุ่มห้างแข่งเดือด ชิ่งจับกลุ่ม “ไดนิ่ง-ท่องเที่ยว-ช้อปปิ้งออนไลน์” หวังขึ้นแท่นครองเจ้าตลาด เผยทั้งยอดบัตรใหม่และยอดจ่ายผ่านบัตรโต 10% ระบุสิ้นปีบัตรเครดิตกรุงศรีทะลุ 2.2 ล้านใบ พ่วงยอดจ่ายรวมเฉียด 2 แสนล้าน ขณะที่หนีเสียมีต่ำสุดในตลาดเพียง 1.1% นายสมหวัง โตรักตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด กล่าวถึงภาพรวมสถานการณ์การแข่งขันของบัตรเครดิตในเมืองไทยช่วงที่ผ่านมา และจากนี้จนถึงสิ้นปีนี้ว่า จะยังคงแข่งขันรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยกลุ่มที่จัดว่าอยู่ในโซนการแข่งขันที่ดุเดือดมากที่สุด (เรดโอเชียน) คือ การแข่งขันในห้างสรรพสินค้า ซึ่งเป็นกลุ่มที่บริษัทฯไม่ได้เน้นทำการแข่งขันด้วย แม้จะมีบัตรโคแบรนด์ในกลุ่มนี้อยู่ก็ตาม  ” เราโฟกัสในกลุ่มไลฟ์สไตล์ คือ กลุ่มไดนิ่ง (อาหารและเครื่องดื่ม) กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มช้อปปิ้งออนไลน์ โดยหวังจะเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มนี้ ซึ่งมีอัตราการเติบโตราว 11-12% ยกเว้นกลุ่มช้อปปิ้งออนไลน์ที่โตมากถึง 20% โดยขณะนี้เราได้ประสานและเตรียมจะประสานเพิ่มเติม เพื่อดึงพันธมิตรกลุ่มต่างๆ มาเข้าร่วมและสร้างกิจกรรมใหม่ๆ เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นเจ้าตลาดในกลุ่มนี้โดยเร็ว... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 33 บัตรเครดิตกรุงศรี ทุ่มงบ 40 ล้าน รีแบรนด์ความเป็น “ที่สุด…ทุกสิ่ง” เน้นช่องทางโซเชียลมีเดีย ขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ “เจนวาย” พร้อมออกหนังโฆษณา 3 เรื่องเน้นที่สุดในแบบที่แตกต่างกัน นายสมหวัง โตรักตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด กล่าวถึงการรีแบรนด์ ผ่านแคมเปญสื่อสารแบรนด์ใหม่ “บัตรเครดิตกรุงศรี…ที่สุด…ทุกสิ่ง” ด้วยเป้าหมายที่ต้องการให้เป็นแบรนด์ที่ลูกค้านึกถึงและใช้จ่ายเป็นบัตรหลัก ทั้งลูกค้ากลุ่มเดิมในวัยทำงาน (35-45 ปี) และกลุ่มคนรุ่นใหม่ในเจนเนอเรชั่น Y (20 ปีขึ้นไป) โดยเตรียมงบสำหรับการรีแบรนด์ในครั้งนี้ราว 40 ล้านบาท ทั้งนี้ ยอมรับว่าลูกค้ายังจดจำภาพลักษณ์ของบัตรเครดิตกรุงศรีได้ไม่ชัดเจน เพราะที่ผ่านบริษัทฯเน้นที่การจัดโปรโมชั่นเป็นหลัก แต่จากนี้จะเน้นตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มพรีเมี่ยม กลุ่มไลฟ์สไตล์เฉพาะด้าน จนถึงกลุ่มโคแบรนด์ พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ และโปรโมชั่นที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า และสามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ในแบบ “รู้ใจ ทันใจ และโดนใจ” ของลูกค้า “ในกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่เราต้องการขยายไปให้ถึง จึงต้องโฟกัสในการสื่อสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเป็นหลัก แต่ยังคงผสานกับช่องทางอื่นๆ ที่เคยใช้ โดยเตรียมจะออกแคมเปญสื่อสารแบรนด์ ผ่านภาพยนตร์โฆษณา 3 เรื่อง แต่ละเรื่องเน้นความเป็นที่สุด ทั้งเรื่องที่สุดของการให้ ที่สุดของความชอบและที่สุดของการเดินทาง โดยหวังว่าแนวคิด “ที่สุด…บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด ทุกสิ่ง” นี้ จะโดนใจลูกค้ากลุ่มใหม่นี้” นายสมหวัง กล่าวสรุป.... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 36 เชื่อไม่เกิน 2 ปี จีนยอมสยบสงครามการค้าสหรัฐฯ เจรจาเพื่อผ่อนปรบเงื่อนไขโหด บีบทุนต่างชาติ”คลายเทคโนโลยี-ขายหุ้น” จี้รัฐบาลไทยหาทางรับมือแผนดั้มพ์สินค้าหลังจีน ห่วงไทยอาจติดข่าย “ผู้ร้าย” โดนสหรัฐฯเล่นงาน ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์ นักวิชาการอิสระ และอดีตกรรมการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวถึงปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนว่า เนื่องจากโครงสร้างเศรษฐกิจของสหรัฐฯค่อนข้างแข็งแกร่ง และสามารถจะอยู่ได้ด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งพาการส่งออกหรือนำเข้าจากต่างประเทศ หากสงครามขยายตัวไปมากกว่านี้ ขณะที่จีนเองน่าจะมีความอดทนในด้านนี้ได้น้อยกว่า  ดังนั้น จึงมองว่าท้ายที่สุดแล้ว ในภาวะที่สหรัฐฯถือไพ่เหนือกว่า จะเป็นฝ่ายจีนที่พยายามหาทางเจรจาเพื่อลดผลกระทบจากปัญหาข้างต้น และเป็นฝ่ายโอนอ่อนให้กับสหรัฐฯ ด้วยการยอมลดหรือยกเลิกเงื่อนไขที่เคยบังคับให้นักลงทุนต่างชาติต้องถ่ายทอดเทคโนโลยี และลดหรือยกเลิกการบังคับให้ฝ่ายจีนต้องเข้ามาถือหุ้นกิจการของต่างชาติ ทั้งนี้ เชื่อว่าปัญหาดังกล่าวจะยังคงอยู่และน่าจบปัญหาสงครามการค้าได้ภายใน 2 ปี อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วงจากผลพวงของปัญหาดังกล่าว คือ หากจีนได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ อาจเป็นไปได้ว่าจีนจะนำสินค้าที่ได้รับผลกระทบ เช่น สินค้าในกลุ่มเหล็กและอิเล็กทรอนิกส์ มาขายดั้มพ์ราคาในไทย ดังนั้น รัฐบาลไทยจึงต้องวางแผนรับมือไว้เสียแต่เนิ่นๆ ส่วนการส่งออกสินค้าไทยไปยังตลาดสหรัฐฯทดแทนสินค้าจีนนั้น มองว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากสินค้าไทยส่วนใหญ่เป็นสินค้าขั้นกลางที่ส่งออกไปจีน เพื่อผลิตและส่งไปขายต่อยังตลาดสหรัฐฯและกลุ่มประเทศอื่นๆ นายศิวัสน์ เหลืองสมบูรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวเสริมว่า ปีนี้ จีนอาจไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ามากนัก แต่ในปีหน้าผลของมันจะลุกลามและบานปลายมากขึ้นจึงน่าที่จีนจะต้องเร่งหาทางเจรจาเพื่อยุติปัญหาดังกล่าวภายในปีหน้า เนื่องจากจีนคงไม่อาจทนต่อสภาพการณ์เช่นนี้ได้นานนัก นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า สไตล์การบริหารประเทศของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ มักจะมองหา “ผู้ร้าย” ที่รังแกสหรัฐ และก็เป็นเขาที่เข้ามาช่วยกอบกู้หรือแก้ไขปัญหาให้สหรัฐฯ ตอนนี้อาจเป็นจีน อนาคตอาจเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และไทยก็อาจเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่ถูกมองว่าเอาเปรียบและเป็น “ผู้ร้าย” คอยรังแกสหรัฐฯ หลังจากกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ รายงานก่อนหน้านี้ว่า การย้ายโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ “ฮาร์เลย์ เดวิสัน” มายังประเทศไทย... อ่านต่อ
ดูแล้ว: 39 กสิกรไทยเชื่อสงครามการค้าสหรัฐ-จีน และวิกฤติเศรษฐกิจของตุรกี ไม่ส่งผลกระทบทางตรงต่อไทยมากนัก ชี้โครงสร้างเศรษฐกิจยังแข็งแกร่งเกินตลาดเกิดใหม่อื่นๆ เชื่อค่าบาทอ่อนตัวระยะสั้น แต่มั่นใจดอกเบี้ยไทยยังคงนิ่ง น.ส.พีรพรรณ สุวรรณรัตน์ ผู้ชำนาญการงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุนอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึงทิศทางค่าเงินและดอกเบี้ยในครึ่งหลังปี 2561 ว่า จากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน อาจส่งผบกระทบทางอ้อมต่อไทย เนื่องจากไทยส่งออกสินค้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางไปจีนจำนวนมาก และจีนนำไปผลิตเพื่อส่งออกต่อไปยังสหรัฐ หากจีนได้รับปลกระทบจากมาตรการภาษีและสงครามการค้า ก็อาจส่งผลต่อมายังการส่งออกของไทย อย่างไรก็ตาม ยังมองเห็นโอกาสที่การส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ ซึ่งมีหลายอย่างคล้ายกับจีน โดยเฉพาะสินค้าอีเล็กทรอนิกส์ ที่ไทยอาจทดแทนสินค้าจีนได้ ส่วนความเป็นตลาดเกิดใหม่ของไทย อาจไม่ได้รับผบกระทบมากนักจากปัญหาค่าเงินตุรกีที่ลดต่ำลง จนส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เนื่องจากไทยมีโครงสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง ทั้งตัวเลขดุลการค้าดุลบัญชีเดินสะพัด และเงินสำรองต่างประเทศที่แข็งแกร่งกว่าหลายประเทศในกบุ่มประเทศเกิดใหม่  สำหรับค่าเงินบาทนั้น มีแนวโน้มอ่อนค่าในระยะสั้น แต่ระยะปานกลางเชื่อว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้น ทั้งนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินหยวนของจีน อาจส่งผบกระทบต่อนักนักท่องเที่ยวของจีน น.ส.วรันธร ภู่ทอง ผู้ชำนาญการงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุนอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวดีขึ้น คาดว่าการส่งออกยังคงเติบโตที่ระดับ 8-9% ขณะที่จีดีพี คาดว่าจะโต4.5% ทั้งนี้ เชื่อว่าค่าเงินบาทน่าจะอ่อนค่าลงตามค่าเงินหยวนของจีน และอาจปรับลดถึงระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์ แต่คงเป็นไปในระยะสั้น จากนั้นก็น่าจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งอัตราที่เหมาะสมต่อระบบเศรษญกิจไทย ส่วนอัตราดอกเบี้ยของไทย เชื่อว่าจากสภาพเศรษฐกิจยามนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ระดับเดิมที่ 1.5% แม้ว่าจะมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อีก 2 ครั้งๆ บะ 0.25% ในเดือนกันยายนแบะธันวาคมนี้ก็ตาม.... อ่านต่อ

ประเด็นข่าว