ราคาน้ำมันดิ่งทั้งที่ยังลดการผลิต
ราคาน้ำมันดื่งร่วงลงมาประมาณ 5% ถึงแม้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะเห็นพ้องกันในข้อตกลงที่จะยืดระยะเวลาในการลดเพดานการผลิตน้ำมันต่อไปอีก 9 เดือนก็ตาม
จากการประชุมที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานจากประเทศกลุ่มสมาชิกโอเปกและที่ไม่ใช่โอเปกตกลงที่จะคงการลดเพดานการผลิตน้ำมันไว้ตามเดิม โดยมีกำหนดในการยืดระยะเวลาออกไปอีก 9 เดือน จนถึงเดือนมี.ค.ปี 2561
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนคาดหวังว่าราคาน้ำมันจะพุ่งทะยานสูงขึ้นกว่านี้จากข้อตกลงลดปริมาณการผลิตน้ำมัน
โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลงมา 2.60 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 51.36 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันเวสท์ เท็กซัสลดลง 2.58 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 48.78 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล
นายคาห์เลด อัล-ฟาลิห์ รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นประธานในการประชุมร่วมกับอเล็กซานเดอร์ โนวัค รัฐมนตรีพลังงานของรัสเซียกล่าววา “ เราได้พิจารณาถึงเข้อสรุปที่แตกต่างหลากหลาย ตั้งแต่ 6 เดือน เป็น 9 เดือน จนถึง 12 เดือน และเรายังได้พิจารณาถึงการลดเพดานการผลิตให้มากขึ้นกว่านี้ แต่สัญญาณบ่งชี้ทั้งหมดมีเหตุผลลงตัวว่าควรยืดเวลาออกไป 9 เดือน ซึ่งจะนำเราไปสู่ค่าเฉลี่ยน้ำมันคงคลัง 5 ปีภายในสิ้นปีนี้”
กลุ่มประเทศโอเปกและ 11 ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นๆ รวมทั้งรัสเซีย มีการทำข้อตกลงเป็นครั้งแรกที่จะลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงเมื่อเดือนธ.ค. ปีที่แล้ว เพื่อหนุนให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ปริมาณน้ำมันที่ผลิตลดลงในแต่ละวันอยู่ที่ 1.8 ล้านบาร์เรล หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2% ของปริมาณน้ำมันที่ผลิตได้ทั่วโลก
นักวิเคราะห์ต่างออกมาวิจารณ์ว่า โอเปกล้มเหลวที่จะลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงให้มากกว่านี้ โดย Alexandre Andlauer จากบริษัทวิจัย Alphavalue กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ของโอเปกเป็นเรื่องที่ล้าสมัย
ขณะที่ Neil Wilson จากบริษัท ETX กล่าวว่า “เวลา 9 เดือนไม่เพียงพอที่จะผลักดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้นได้อย่างแท้จริง เนื่องจากน้ำมันดิบสหรัฐฯยังคงผลิตออกมาเติมเต็มช่องว่างอยู่ตลอด ”
Gary Ross หัวหน้าผู้บริหารฝ่ายน้ำมันทั่วโลกที่ PIRA Energy ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ S&P Global Platts กล่าวว่า “ รัสเซียกำลังจะมีการเลือกตั้งและซาอุดิอาระเบียจะมีการขายหุ้นของบริษัทน้ำมันแห่งชาติ Aramco ในปีหน้า ทั้งสองประเทศจึงต้องทำทุกวิถีทางที่จะหนุนราคาน้ำมันในตลาดโลกให้พุ่งขึ้น”.