เทียบ “คนละครึ่งVSซีเนียร์คอมเพล็กซ์” ตอบโจทย์เหมือนกัน
แตกต่างที่เป็นคนต่างกลุ่ม…“กลางลงล่าง” กับ “กลางขึ้นบน” แต่ทั้ง 2 โครงการ “คนละครึ่ง VS ซีเนียร์ คอมเพล็กซ์” ล้วนตอบโจทย์กลุ่มคนเป้าหมายได้เป็นอย่างดี โครงการคนละครึ่งมีแน่! เฟส 2 แต่อีกโครงการยังต้องลุ้น! 8 ธ.ค.นี้ แต่ที่สุด…คงหนีไม่พ้น กรมธนารักษ์ ผุด! ซีเนียร์ คอมเพล็กซ์ เฟส 2 หลังความต้องการห้องพักไซส์ราคาแพงสุด! พุ่งเกิน 15 เท่าตัว?
ภาพความแตกต่างที่เดินคู่ขนานกันได้เป็นอย่างดี…ระหว่างโครงการที่เกี่ยวข้องกับ “คนระดับกลางลงล่าง” และ “คนระดับกลางขึ้นบน”?
เริ่มจาก…มาตรการ/โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง นับแต่ก่อนหน้าจะเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็น…มาตรการชิมช้อปใช้ หรือเราเที่ยวด้วยกัน
กระทั่ง รัฐบาลจำต้องเร่งแก้ไขปัญหา จากเหตุจำเป็นที่จะต้อง “ล็อกดาวน์” สั่งปิดประเทศ…ปิดกิจกรรมทางธุรกิจ โฟกัสที่…ภาคบริการ แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่ง ทว่าผลกระทบจากการ “ล็อกดาวน์” ได้สร้างแรงเหวี่ยงด้านลบอันมหาศาล ต่อภาคส่วนธุรกิจและแรงงาน…
จนรัฐบาลต้องออกมาตรการเร่งด่วน…เยียวยาให้ทั้งผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งข้างต้น รวมถึงแรงงานที่เกี่ยวเนื่องกันไป
นำไปสู่ โครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” แจกเงินเยียวยาคนละ 5,000 บาทเป็นเวลา 3 เดือน (ก.ค.- ก.ย.2563) ต่อด้วยมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ผ่าน โครงการ “ช้อปดีมีคืน” และ “คนละครึ่ง” ในปัจจุบัน
โดยเฉพาะ โครงการ “คนละครึ่ง” ที่ นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เพิ่งจะบอกกับนักข่าวว่า…เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากดำริของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม
หลังจาก โครงการนี้ ได้รับความนิยมและเสียงชื่นชมในวงกว้างจากสังคมไทยว่า…ดีที่สุด! นับแต่รัฐบาลชุดนี้ บริหารประเทศมาไม่ว่าจะในช่วงของ…รัฐบาล คสช.หรือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
เมื่อเป็นโครงการที่ดี จำเป็นที่ นายสุพัฒนพงษ์ ต้องโปรโมท “เจ้านาย” กันเสียหน่อย…
ที่ทั้งที่ความเป็นจริง! นายสุพัฒนพงษ์ เอง ก็ยอมรับว่า…กลุ่มคนที่คิดโครงการ “คนละครึ่ง” จริงๆ คือ บุคลากรในสังกัดสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) หน่วยงานมันสมองของกระทรวงการคลัง
พล.อ.ประยุทธ์ แค่มีดำริอยากให้มีโครงการในลักษณะนี้เท่านั้น…แต่รายละเอียดของโครงการและขั้นตอนการดำเนินงาน ล้วนมาจากมันสมองของข้าราชการประจำทั้งสิ้น
จะมีที่มาของวงเงินสูงสุด…เปิดให้ใช้จ่ายต่อคน ไม่เกินวันละ 150 บาท ที่ นายสุพัฒนพงษ์ อ้างว่า…มาจากไอเดียของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่อ้างอิงจากค่าจ้างรายวันๆ ละ 300 บาท
ด้วยเหตุผลที่ว่า…เมื่อคนกลุ่มนี้ ได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิดฯ แม้จะถูกเลิกจ้างหรือสั่งหยุดพักการทำงาน “รายได้หยุดหรือหดหาย…แต่รายจ่ายไม่หยุด!”
นั่นจึงนำไปสู่แนวคิด…รัฐบาลออกให้ครึ่งหนึ่ง ประชาชนออกเองอีกครึ่งหนึ่ง “ออกฝ่ายละ 150 บาทต่อวัน” เพียงพอต่อการดำรงชีพตามรายได้พื้นฐานที่กฎหมายกำหนดไว้
จากมาตรการ/โครงการที่เกิดขึ้น ท่ามกลางจการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดฯนั้น ถือเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับคนระดับ “กลางลงล่าง”ทั้งหมดล้วนใช้เงินจากการกู้ยืมเงิน 1 ล้านล้านบาท ที่คนไทยจำต้องแบกรับภาระหนี้สินของประเทศไปพร้อมกัน…ทั้งสิ้น
เอาล่ะ…มีมาตรการ/โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นถดถอยอย่างรุนแรง ย่อมดีกว่าการที่รัฐบาลไม่ทำอะไรเอาเสียเลย
แต่ยังมีอีกโครงการที่ตีคู่ขนาดกันไป และแทบไม่ใช่งบประมาณแผ่นดิน ซึ่งเกี่ยวข้องกับ คนระดับ “กลางขึ้นบน” สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้สูงอายุและลูกหลานที่ต้องการให้พ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ ได้อาศัยอยู่ในที่ “ที่ปลอดภัยและใกล้หมอ” นั่นคือ…
โครงการ “ที่พักอาศัยผู้สูงอายุรามาฯ-ธนารักษ์” หรือ “ซีเนียร์ คอมแพล็กซ์”
อันเป็นความร่วมมือระหว่าง…กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง และ โรงพยาบาลรามา มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ต้องการจะพัฒนาที่ดินราชพัสดุ ราว 70 ไร่เศษ บริเวณ ถ.สุขุมวิทสายเก่า ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งติดกับบริเวณที่ โรงพยาบาลรามา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้จัดสร้าง…สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ ขึ้นมาในย่านเดียวกัน
โดยหวังให้ โครงการ “ซีเนียร์ คอมแพล็กซ์” เป็นสถานที่พักอาศัยรองรับผู้สูงอายุที่มีความพร้อม ทั้งด้านสุขภาพและการเงิน จำนวน 921 ยูนิต (ห้อง) แยกห้อง 5 ขนาด 5 ราคา ขึ้นกับความพร้อมของผู้เข้าอาศัยในวัย 60 ปีขึ้นไป
แค่วันแรกของเปิดจอง 9 พ.ย.2563 ยอดจองก็มีสูงแล้ว จากนั้นไม่นาน…คนจองล้นเกินจำนวนห้องที่มี 921 ห้อง แต่มีคนจองมากกว่า 2,000 คน
ล่าสุด นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า…พบยอดจอง โครงการ “ซีเนียร์ คอมแพล็กซ์” ที่เพิ่งปิดจองไปเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา…ทุกขนาดห้องมียอดจองเกินหมด
มากสุด! คือ ห้องที่มีราคาแพงที่สุด ราคา 2.99 ล้านบาท กับยอดจองมากถึง 1,500% หรือ “15 เท่าตัว”
รองลงมา คือ ห้องราคา 2.80 ล้านบาท ที่มียอดจองเกิน 300%, ห้องราคา 2.10 ล้านบาท มียอดจองเกิน 200% และห้องราคาต่ำสุด 1.82 ล้านบาท ก็ยังมียอดจองเกินถึง 150%
ส่วนห้อง “รองต่ำสุด” ที่ราคา 1.99 ล้านบาท ซึ่งเพิ่งจะ 100% ไปก่อนหน้าจะปิดการจองไม่นาน
ตรงนี้ มันสะท้อนว่า…กำลังซื้อของผู้สูงอายุและบุตรหลานที่ต้องการให้ผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็น…พ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ ได้พักอาศัยในทำเลที่อยู่ใกล้หมอ
หรือหากจะมองอีกมุม…เป็นไปได้หรือไม่? ในยุคที่บ้านเมืองไทยได้ก้าวเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุ” นั้น บุตรหลาน…ยอมทำทุกวิถีทางที่จะ “เขี่ยคนแก่” ออกไปจากครอบครัว กับข้ออ้างที่ว่า…ให้อยู่ใกล้หมอ! ซึ่งมันดูดีและเหตุผลรองรับมากพอจะแยกคนแก่ออกจากคนหนุ่มสาว
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร? ก็ถือว่า โครงการ “ซีเนียร์ คอมแพล็กซ์” ได้บรรลุตามเป้าหมายที่กรมธนารักษ์และโรงพยาบาลรามา ได้วางไว้แล้ว…ที่เหลือ คือ ขั้นตอนของการ “คัดกรอง” คนที่จะได้รับสิทธิ์ขั้นที่ 1 กล่าวคือ…ต้องมีสุขภาพที่ดีและช่วยเหลือตัวเองได้ รวมถึงต้องมีเงินฝากอยู่ในบัญชีเพียงพอจะนำไปจ่ายค่าห้องฯได้
คนที่ผ่านเกณฑ์นี้ ยังจะต้องลุ้นได้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของห้องฯ “1 ใน 921 ผู้โชคดี” ด้วยการจับสลากผ่านวิธีการแรนดอมของคณะกรรมการร่วมฯที่มี คาดว่า…จะสามารถเริ่มตอกเสาเข็มได้ในเดือน เม.ย.2564 และเริ่มเปิดให้บริการได้ช่วงปลายปี 2565
ทั้งนี้ จากการสอบทานกับผู้จองฯ พบว่า…ส่วนใหญ่กว่า 60% พร้อมจ่ายสดเป็นค่าห้องฯ จะมีไม่ถึง 40% เท่านั้น ที่อาจยอมกู้เงินจากสถาบันการเงินของรัฐ ที่กรมธนารักษ์จัดเตรียมไว้ เช่น…ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน หรือธนาคารกรุงไทย เป็นต้น
พูดง่ายๆ “คนแก่มีเงิน” มีมากในสังคมไทย…หรือไม่? ลูกหลานก็ “พร้อมจ่าย” เพื่อให้คนแก่ได้มีนิวาสถาน..ห่างไกลจากครอบครัวตัวเอง
แน่นอนว่า…เมื่อความต้องห้องพักฯที่มีสูงเกินจำนวนห้อง โอกาสจะเปิดโครงการ “ซีเนียร์ คอมแพล็กซ์” ย่อมอยู่ใกล้แค่เอื้อม และเป็น นายยุทธนา ที่บอกว่า…ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ จะมีการประชุมประชุมคณะกรรมการร่วมฯ ประกอบด้วย โรงพยาบาลรามาธิบดี และธอส. เพื่อสรุปว่า…จะดำเนินการที่พักผู้สูงอายุโครงการเฟส 2 หรือไม่? อย่างไร?
ทั้งนี้ กรมธนารักษ์ได้จัดเตรียมที่ดินติดกันขนาดพื้นที่ 50 ไร่รองรับการเกิดขึ้นของโครงการ “ซีเนียร์ คอมแพล็กซ์” เฟส 2 แล้ว
ถึงตรงนี้…เดาได้ไม่ยาก! ในเมื่อความต้องการมีมากกว่าจำนวนห้องฯ ขณะที่คนแก่มีเงินหรือลูกหลานพร้อมจ่าย…ก็มีเป็นจำนวนมาก ขณะที่ พื้นที่อันเป็นที่ดินราชพัสดุ ก็มีเหลือเฟือ รองรับทั้งเฟส 2 และเฟส 3 ได้อย่างสบาย…
นับวันถอยหลังโครงการ “ซีเนียร์ คอมแพล็กซ์” เฟส 2 ได้เลย…
และที่ เว็บไซต์ AEC10NEWS บอกว่า…ภาพความแตกต่างที่เดินคู่ขนานกันได้เป็นอย่างดี…ระหว่างโครงการที่เกี่ยวข้องกับ “คนระดับกลางลงล่าง” และ “คนระดับกลางขึ้นบน”?
มันไกลเกินจริงบ้างไหมล่ะ!!??.